ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “แสดงความยินดีกับการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ขอแสดงความดีใจกับคุณเศกสิทธิ์ด้วยค่ะ และขอขอบพระคุณพี่น้องชาวร้อยเอ็ด ที่ไว้ใจพรรคเพื่อไทยและคุณเศกสิทธิ์ค่ะ งานใหญ่ไม่สามารถทำสำเร็จโดยคนคนเดียวได้ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ #พรรคเพื่อไทย #หัวใจคือประชาชน”
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “จากการเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนทั้ง 2 สนาม รวม 20 เวที พบเห็นข้อสังเกตบางแง่มุม ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยออกตัวในฐานะผู้ท้าชิง แต่พลิกกลับเอาชนะแชมป์เก่าขาดลอยทั้ง 2 สนาม แชมป์เก่าทั้งคู่ครั้งที่แล้วเปิดตัวเป็นพลังประชารัฐ แต่รอบนี้ไม่ได้ยินชื่อพรรคและชื่อ พล.อ.ประยุทธ์จากทั้ง 2 เวทีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ร้อยเอ็ดผู้สมัครบางคนนอกจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ยังปลดป้ายพรรคออกจากสำนักงาน แสดงตัวเป็นผู้สมัครอิสระ
ประยุทธ์หัวคะแนน พท.
“นี่คือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์ เชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในพื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เช่น อีสาน เหนือ และ กทม. หากประยุทธ์ยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หรืออยู่เบื้องหลัง จะเห็นผู้สมัครพรรคนั้นหาเสียงโดยเน้นคะแนนเขตเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยคะแนนพรรคเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ลูกพรรคจะทิ้งประยุทธ์กลางสนาม”
นายณัฐวุฒิระบุว่า การบริหารงานทั้งยุค คสช.และหลังเลือกตั้งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นจุดอ่อนและตัวปัญหาใหญ่สุดของรัฐบาล การประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์กลายเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้ง แลนด์สไลด์ จะไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจรอคอยการเลือกตั้ง
“ถ้าประยุทธ์รอด อยู่ต่อได้หลัง 30 กันยายน สถานะของเขาจะเป็นเหมือนหัวคะแนนหลักของพรรคเพื่อไทย ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ เพื่อไทยก็เข้าใกล้แลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองดู” นายณัฐวุฒิระบุ
สำหรับผลการเลือกตั้งดังกล่าว นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 ได้ 301,187 คะแนน และนางจุรีพร สินธุไพร เบอร์ 4 ในนามอิสระ ได้ 126,649 คะแนน นางรัชนี พลซื่อ เบอร์ 1 ในนามอิสระ ได้ 116,027 คะแนน นางสาวโยทกา โคตุระพันธ์ เบอร์ 3 ในนามอิสระ ได้ 5,306 คะแนน
ขณะที่นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายณัฐวุฒิว่า ไม่ต้องดีใจออกหน้าออกตามากนัก เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งสนามใหญ่หรือเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไม่เหมือนกัน ต่างกันโดยสิ้นเชิง การเลือกตั้ง ส.ส.วัดกันจากทั่วประเทศ ไม่ได้ชี้ขาดแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรือภาคใดภาคหนึ่ง ที่ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด แล้วบอกว่ามั่นใจเลือกตั้งใหญ่พรรคเพื่อไทยจะชนะแลนด์สไลด์นั้น แน่จริงนายณัฐวุฒิมั่นใจกระแสดีท้าเดิมพันให้ลง ส.ส.เขตเองที่บ้านเกิดนครศรีธรรมราช หรือถ้าลงไม่ได้เพราะขาดสิทธิ์จากคดีติดคุก ก็ส่งคนตระกูลใสยเกื้อลงแทนเลย จะได้พิสูจน์ความจริง อย่าขี้โม้โอ้อวดเอาใจคนตระกูลชินวัตรจนเวอร์มากไป บางทีฝันกลางวันมากไปหรือเปล่า รอถึงวันเลือกตั้งจริงๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า
จี้ ‘จตุพร’ ยุตินัดชุมนุม
นายชนะศักดิ์กล่าวว่า ที่นายณัฐวุฒิอวยคุณหนูอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ทำนองคือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์นั้น สะท้อนว่านายณัฐวุฒิพูดเชลียร์เอาใจคุณหนูอุ๊งอิ๊ง แบบหน้ามืดตามัว ไม่อายฟ้าดิน ถามกลับผลงานคุณหนูอุ๊งอิ๊งมีอะไรให้เห็น ประชาชนทั้งประเทศรู้หมดว่าอยากเป็นนายกฯ เพราะมีนโยบายหลักคือเอาคุณพ่อกับคุณอากลับบ้าน ล้างคดีโกงมากกว่าใช่ไหม ชาวบ้านก็ถามกลับอีกว่า เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลแล้วจะมีการโกงเหมือนคุณพ่อคุณอาหรือไม่ ช่วยตอบก่อนได้ไหม
“นายณัฐวุฒิเชลียร์ เชิดชูคุณหนูอุ๊งอิ๊งขนาดนั้น ก็อยากถามกลับว่าแท้จริงแล้วสถานะนายณัฐวุฒิ คือผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย หรือคือขี้ข้าคุณหนูอุ๊งอิ๊ง หรือสมุนรับใช้ตระกูลชินวัตรกันแน่” นายชนะศักดิ์กล่าว
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่าประเทศนี้จะไม่มีการเลือกตั้งก็เพราะ 3 ป.ออกแบบไม่ให้มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นเพราะพวกตนออกมาชุมนุมว่า เป็นการชิงออกตัวแบบปัดความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เมื่อคิดที่จะปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม ก็ควรแสดงภาวะผู้นำด้วยการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองด้วย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ แต่พอเกิดความผิดพลาดขึ้นก็โยนความผิดให้คนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ใช้ไม่ได้สำหรับคนที่คิดจะเป็นแกนนำ อยากจะขอร้องให้ทุกคนรู้เท่าทันและอย่าหลงออกไปร่วมชุมนุมด้วย อีกไม่นานก็จะถึงการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ดังนั้นนายจตุพรควรสงบจิตสงบใจ และเลิกจัดการชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องสัญจรไปมา วันนี้วิกฤตเศรษฐกิจโลกก็แย่พอแล้ว อย่าซ้ำเติมสถานการณ์อีกเลย
“หากคุณจตุพรห่วงประชาชน ห่วงประเทศชาติจริง สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ ยุติการนัดชุมนุม ประเทศและประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุด ที่สำคัญไม่ควรมีการชุมนุมเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย” นายธนกรกล่าว.