เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ได้ทีขี่แพะไล่ ! เพื่อไทย ฟุ้งชนะอบจ.ร้อยเอ็ด คือส่งสัญญาณเปลี่ยนนายก

#ได้ทีขี่แพะไล่ ! เพื่อไทย ฟุ้งชนะอบจ.ร้อยเอ็ด คือส่งสัญญาณเปลี่ยนนายก

27 September 2022
233   0

 

“เพื่อไทย” ดี๊ด๊าชนะเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ดแบบแลนด์สไลด์ โวสนั่นส่งสัญญาณ ปชช.ต้องการเปลี่ยนแปลงไม่เอาเผด็จการ อยากได้ผู้นำประเทศคนใหม่  ขอเสียงสนามใหญ่ถ้าไม่แลนด์สไลด์จะเลือกนายกฯ เองไม่ได้ “อุ๊งอิ๊ง” ขอบคุณชาวร้อยเอ็ด งานใหญ่ไม่สำเร็จโดยคนเดียว “ณัฐวุฒิ” เย้ย “ประยุทธ์” กลายเป็นจุดอ่อน ถ้าอยู่ต่อหลัง 30 ก.ย.จะมีสถานะเป็นหัวคะแนน พท. “ชนะศักดิ์” โต้ “ณัฐวุฒิ” เชลียร์ “อุ๊งอิ๊ง” จนหน้ามืดหรือเป็นขี้ข้าสมุนรับใช้ชินวัตร “ธนกร” จี้ “จตุพร” ยุตินัดชุมนุม อัดไร้ภาวะผู้นำหลังโยนบาป 3 ป.จะล้มเลือกตั้ง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) วันที่ 26 กันยายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวหลังทราบผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ร้อยเอ็ด โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคขอขอบคุณพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนที่ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ได้มอบคะแนนความไว้วางใจให้แก่นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.จากพรรคเพื่อไทย จนได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 อย่างไม่เป็นทางการ การที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย  เพราะประชาชนต้องการให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาแก้ไขปัญหาความทุกข์ยาก ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ มาช่วยแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่น เพื่อสะท้อนส่งต่อไปยังปัญหาระดับชาติ คือเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน

การชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นความจำเป็น เพราะหากพี่น้องประชาชนต้องการออกจากวิกฤตของประเทศที่กำลังประสบในขณะนี้  หากต้องการคุณภาพชีวิตและอนาคตลูกหลานที่มีโอกาสชีวิตที่ดีกว่า จำเป็นต้องขอฉันทามติจากประชาชนให้เกินกึ่งหนึ่งขึ้นไปในทุกการเลือกตั้ง หากไม่ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์จะไม่สามารถนำนโยบายที่เสนอไปปฏิบัติตอบสนองพี่น้องประชาชนได้ แม้แต่การเลือกนายกฯ ที่ ส.ว.ยังมีอำนาจเลือกนายกฯ อยู่ จึงมีความจำเป็นต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นจากกรอบกติกาที่ครอบจำกัดเราอยู่ในเวลานี้ได้” นพ.ชลน่านกล่าว

นายประเสริฐกล่าวว่า ชัยชนะจากผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ทั้งการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทยได้ ส.ก. 20 ที่นั่ง ชัยชนะในการเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 16  สิงหาคม 2565 นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล จากพรรคเพื่อไทย ชนะขาดลอยแบบแลนด์สไลด์ได้ 249,093  คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 กว่า 90,000 คะแนน ล่าสุดกับชัยชนะของนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ของนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งขาดลอยแบบแลนด์สไลด์อีกครั้งที่ 301,187 คะแนน ทิ้งห่างคะแนนจากอันดับสอง

“ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า ประชาชนไม่เอาระบอบเผด็จการ   และสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ดีให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ต้องการตัวแทนที่มาจากผู้มีอำนาจในปัจจุบันอีกต่อไป สังคมไทยมีความคาดหวังอยากได้ผู้นำประเทศคนใหม่จากการเลือกตั้ง ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้นำที่มาจากเผด็จการและสืบทอดอำนาจไม่มีความรู้ความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ ประชาชนหมดความอดทนแล้ว  อยากให้เกิดการเลือกตั้ง อยากเลือกผู้นำที่เป็นความหวังให้พวกเรา ประชาชนจึงให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างล้นหลาม” นายประเสริฐกล่าว

ปชช.ต้องการเปลี่ยนแปลง

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พบว่านายเศกสิทธิ์ชนะขาด ชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ได้อย่างชัดเจนที่สุด ทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้พรรคเพื่อไทยจะเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยทุกคนจะมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนต่อไป ซึ่งในการคัดเลือกตัวผู้สมัครจากที่เป็นตัวแทนแต่ละพื้นที่ เราจะดำเนินการอย่างเข้มข้น พรรคเพื่อไทยพร้อมสู้ทุกกติกา แต่ขอให้ผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายใช้กติกานี้เท่าเทียมกันกับทุกพรรคการเมืองด้วย

น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย  โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ขอแสดงความยินดีกับว่าที่นายก อบจ.ร้อยเอ็ดคนใหม่ ท่านเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวร้อยเอ็ดท่วมท้นถล่มทลายกว่า 301,187 คะแนน ชนะขาดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น ได้สร้างปรากฏการณ์ ร้อยเอ็ดแลนด์สไลด์ เพื่อรักษาเกียรติภูมิและปักธงประชาธิปไตยไว้ที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นการส่งสัญญาณสำคัญต่อคนทั้งประเทศว่า ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง  ประเทศต้องไปต่อและพอแล้วกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจ  เพื่อให้ประเทศก้าวพ้นจากวิกฤตชาติครั้งนี้ เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “แสดงความยินดีกับการเลือกตั้งนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ขอแสดงความดีใจกับคุณเศกสิทธิ์ด้วยค่ะ และขอขอบพระคุณพี่น้องชาวร้อยเอ็ด ที่ไว้ใจพรรคเพื่อไทยและคุณเศกสิทธิ์ค่ะ งานใหญ่ไม่สามารถทำสำเร็จโดยคนคนเดียวได้ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ  #พรรคเพื่อไทย #หัวใจคือประชาชน”

ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “จากการเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ปราศรัย พบปะประชาชนทั้ง 2  สนาม รวม 20 เวที พบเห็นข้อสังเกตบางแง่มุม ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยออกตัวในฐานะผู้ท้าชิง แต่พลิกกลับเอาชนะแชมป์เก่าขาดลอยทั้ง 2 สนาม แชมป์เก่าทั้งคู่ครั้งที่แล้วเปิดตัวเป็นพลังประชารัฐ แต่รอบนี้ไม่ได้ยินชื่อพรรคและชื่อ พล.อ.ประยุทธ์จากทั้ง 2 เวทีแม้แต่ครั้งเดียว ที่ร้อยเอ็ดผู้สมัครบางคนนอกจากลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาล ยังปลดป้ายพรรคออกจากสำนักงาน  แสดงตัวเป็นผู้สมัครอิสระ

ประยุทธ์หัวคะแนน พท.

“นี่คือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์ เชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ในพื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เช่น อีสาน เหนือ และ กทม.  หากประยุทธ์ยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ไม่ว่าในฐานะแคนดิเดตนายกฯ หรืออยู่เบื้องหลัง จะเห็นผู้สมัครพรรคนั้นหาเสียงโดยเน้นคะแนนเขตเพื่อเอาตัวรอด ปล่อยคะแนนพรรคเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ลูกพรรคจะทิ้งประยุทธ์กลางสนาม”

นายณัฐวุฒิระบุว่า การบริหารงานทั้งยุค คสช.และหลังเลือกตั้งล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง พล.อ.ประยุทธ์กลายเป็นจุดอ่อนและตัวปัญหาใหญ่สุดของรัฐบาล การประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามประยุทธ์กลายเป็นจุดแข็งในการเลือกตั้ง แลนด์สไลด์ จะไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง แต่จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลง ตั้งใจรอคอยการเลือกตั้ง

“ถ้าประยุทธ์รอด อยู่ต่อได้หลัง 30 กันยายน สถานะของเขาจะเป็นเหมือนหัวคะแนนหลักของพรรคเพื่อไทย  ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ เพื่อไทยก็เข้าใกล้แลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่เชื่อก็ลองดู” นายณัฐวุฒิระบุ

สำหรับผลการเลือกตั้งดังกล่าว นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ เบอร์ 2 ได้ 301,187 คะแนน และนางจุรีพร สินธุไพร  เบอร์ 4 ในนามอิสระ ได้ 126,649 คะแนน นางรัชนี พลซื่อ  เบอร์ 1 ในนามอิสระ ได้ 116,027 คะแนน นางสาวโยทกา  โคตุระพันธ์ เบอร์ 3 ในนามอิสระ ได้ 5,306 คะแนน

ขณะที่นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายณัฐวุฒิว่า ไม่ต้องดีใจออกหน้าออกตามากนัก เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งสนามใหญ่หรือเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไม่เหมือนกัน ต่างกันโดยสิ้นเชิง การเลือกตั้ง ส.ส.วัดกันจากทั่วประเทศ ไม่ได้ชี้ขาดแค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรือภาคใดภาคหนึ่ง ที่ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด  แล้วบอกว่ามั่นใจเลือกตั้งใหญ่พรรคเพื่อไทยจะชนะแลนด์สไลด์นั้น แน่จริงนายณัฐวุฒิมั่นใจกระแสดีท้าเดิมพันให้ลง ส.ส.เขตเองที่บ้านเกิดนครศรีธรรมราช หรือถ้าลงไม่ได้เพราะขาดสิทธิ์จากคดีติดคุก ก็ส่งคนตระกูลใสยเกื้อลงแทนเลย จะได้พิสูจน์ความจริง อย่าขี้โม้โอ้อวดเอาใจคนตระกูลชินวัตรจนเวอร์มากไป บางทีฝันกลางวันมากไปหรือเปล่า รอถึงวันเลือกตั้งจริงๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า

จี้ ‘จตุพร’ ยุตินัดชุมนุม

นายชนะศักดิ์กล่าวว่า ที่นายณัฐวุฒิอวยคุณหนูอุ๊งอิ๊ง  แพทองธาร ทำนองคือสภาพถดถอยอย่างยิ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับภาวะผู้นำของแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่พุ่งขึ้นหลังนำทัพชนะแบบแลนด์สไลด์นั้น สะท้อนว่านายณัฐวุฒิพูดเชลียร์เอาใจคุณหนูอุ๊งอิ๊ง แบบหน้ามืดตามัว ไม่อายฟ้าดิน ถามกลับผลงานคุณหนูอุ๊งอิ๊งมีอะไรให้เห็น ประชาชนทั้งประเทศรู้หมดว่าอยากเป็นนายกฯ เพราะมีนโยบายหลักคือเอาคุณพ่อกับคุณอากลับบ้าน ล้างคดีโกงมากกว่าใช่ไหม ชาวบ้านก็ถามกลับอีกว่า เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลแล้วจะมีการโกงเหมือนคุณพ่อคุณอาหรือไม่ ช่วยตอบก่อนได้ไหม

“นายณัฐวุฒิเชลียร์ เชิดชูคุณหนูอุ๊งอิ๊งขนาดนั้น ก็อยากถามกลับว่าแท้จริงแล้วสถานะนายณัฐวุฒิ คือผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย หรือคือขี้ข้าคุณหนูอุ๊งอิ๊ง  หรือสมุนรับใช้ตระกูลชินวัตรกันแน่” นายชนะศักดิ์กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ระบุว่าประเทศนี้จะไม่มีการเลือกตั้งก็เพราะ 3 ป.ออกแบบไม่ให้มีการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นเพราะพวกตนออกมาชุมนุมว่า เป็นการชิงออกตัวแบบปัดความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เมื่อคิดที่จะปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม ก็ควรแสดงภาวะผู้นำด้วยการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองด้วย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ แต่พอเกิดความผิดพลาดขึ้นก็โยนความผิดให้คนอื่น พฤติกรรมแบบนี้ใช้ไม่ได้สำหรับคนที่คิดจะเป็นแกนนำ อยากจะขอร้องให้ทุกคนรู้เท่าทันและอย่าหลงออกไปร่วมชุมนุมด้วย อีกไม่นานก็จะถึงการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ดังนั้นนายจตุพรควรสงบจิตสงบใจ และเลิกจัดการชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องสัญจรไปมา วันนี้วิกฤตเศรษฐกิจโลกก็แย่พอแล้ว อย่าซ้ำเติมสถานการณ์อีกเลย

“หากคุณจตุพรห่วงประชาชน ห่วงประเทศชาติจริง  สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือ ยุติการนัดชุมนุม ประเทศและประชาชนจะได้ประโยชน์มากที่สุด ที่สำคัญไม่ควรมีการชุมนุมเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย” นายธนกรกล่าว.