จากผลงานการรับมือกับเชื้อโควิดที่ยอดเยี่ยมของประเทศไทย จากการร่วมแรง ร่วมใจของคนทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วนจนได้รับการยกย่องชื่นชมจากสื่อมวลชน และองค์กรด้านสุขภาพต่างๆ ทั่วโลก ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการแถลงข่าวการถอดบทเรียนร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก(ดับเบิลยูเอชโอ) ในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด19 ในประเทศไทย
.
โดยนพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การถอดบทเรียนนี้เนื่องจากประเทศไทยรับมือ กับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วง 9 เดือนแรกของการระบาดของโรคโควิด 19 สามารถจำกัดการแพร่ระบาดในระดับชุมชนได้และลดผลกระทบต่อบริการสุขภาพที่จำเป็น
.
การถอดบทเรียนใช้เครื่องมือมาตรฐานพัฒนาโดยดับเบิลยูเอชโอให้ทุกประเทศนำไปใช้ ดำเนินการถอดบทเรียนเมื่อวันที่ 20 – 24 กรกฎาคม 2563 โดยผู้ประเมินภายนอกจากองค์การอนามัยโลก หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ และมหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้ให้สัมภาษณ์ ประกอบด้วยผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการและบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จในการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด19 ในประเทศไทยมี 6 ข้อได้แก่
…
1.ภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง ได้รับข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด
.
2.ระบบบริหารที่ประยุกต์ได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
.
3.ระบบการแพทย์และการสาธารณสุขที่แข็งแกร่งมีทรัพยากรพร้อมและทุกคนเข้าถึงได้
.
4.ประสบการณ์รับมือการระบาดของโรคติดเชื้อ อาทิ โรคซาร์ส ไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอช 1 เอ็น 1
.
5.การสื่อสารสม่ำเสมอและโปร่งใสนำไปสู่การให้ความร่วมมือของภาคประชาชนกับมาตรการป้องกันต่างๆ
.
6. วิธีการแบบบูรณาการทุกภาคส่วนซึ่งรวมถึงการมีส่วนร่วมของภาควิชาการและเอกชน
========================
อย่างไรก็ตาม อนามัยโลก มี 6 ข้อเสนอแนะหลักประกอบด้วย
…
1.ข้อมูลที่นำไปสู่การปฏิบัติ ควรมีระบบฐานข้อมูลดิจิตอลใหม่ เพื่อบูรณาการข้อมูลระบาดวิทยา ข้อมูลห้องปฏิบัติการ ข้อมูลทางการแพทย์และการขนส่ง
.
2.ปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย จัดตั้งหน่วยงานระดับประเทศด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
.
3.ปรับปรุงการค้นหาผู้ป่วย โดยขยายการเฝ้าระวังโรคโควิด19 เพื่อหนุนเสริมการค้นหาผู้ป่วยและเพื่อติดตามผลกระทบจากโรคระบาด
.
4.เสริมกำลังคนโดยทบทวนทรัพยากรบุคคลที่ทำงานด้านโรคโควิด 19 เพื่อเทียบเคียงกับความต้องการจริงและรับมือกับการขาดแคลน
.
5.การกักกันที่ดีระดับโลก จัดตั้งหน่วยงานระดับประเทศที่มีอำนาจในการกักกันโรค เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและอำนวยการประสานงานระหว่างภาคส่วนต่างๆ ให้เป็นไปได้สะดวกขึ้น
.
6. เสริมการประสานงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของการตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด 19
…
“ข้อเสนอแนะจากถอดบทเรียน เน้นเรื่องการเสริมสร้างการประสานความร่วมมือ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและฐานข้อมูล และการเสริมสร้างและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ การนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปรับใช้อย่างรวดเร็วจะช่วยให้การรับมมือกับสถานการณ์การระบาดในระลอกต่อไปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”นพ.แดเนียลกล่าว
.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือประเทศไทยไม่เคยปิดข้อมูลใดๆ ตั้งแต่ที่พบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนรายแรกจากนี้ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะเป็นฝ่ายรุกกลับโควิด19 คือรู้ว่าโควิด19มีจุดแข็ง จุดอ่อนอย่างไร แพร่เชื้อและคุกคามสุขภาพคนได้อย่างไร ก็หาวิธีการป้องกันตรงจุดนั้น
.
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ในการเสนอศบค.จะเสนอลดวันกักตัวลงเหลือ 10 วัน โดยเริ่มในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ เช่น จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นต้น เนื่องจากพบว่าการกักตัว 14 วัน และ10วัน โอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะหลุดรอดมาไม่แตกต่างกัน
——————————-
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/902601
แหล่งข่าว
——————————