“บิ๊กป้อม”เสนอ ตั้งทีมhotline ร่วมไทย-เขมรในทุกระดับ ขอรายชื่อ-เบอร์โทร เพื่อการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ หากเกิดปัญหาชายแดน อย่างทันท่วงที/ เร่งประชุม”คณะกรรมการระดับชาติ”/ขอรักษาความสะอาดลำคลอง เขตชายแดน ชุมชนตลาด
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-กัมพูชา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ว่า การเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ที่ผ่านมามีความร่วมมือระหว่างกันอย่างดียิ่ง ในทุกระดับ ทั้งระดับ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และแม่ทัพภาค
รวมทั้งกลไกทวิภาคี คณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC และ RBC และการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งดูแลด้านความมั่นคงชายแดนในส่วนของประชาชนในท้องถิ่นโดยตรง ทำงานอย่างบูรณาการเสริมสร้างพื้นที่ชายแดนให้มีความสงบสุข สองประเทศมีเสถียรภาพ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บนพื้นฐานของความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
ดังนั้น ขอให้ทั้งสองฝ่าย เร่งจัดทำรายชื่อผู้ประสานงาน สำหรับช่องทางการสื่อสารเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน หรือ hotline ในทุกระดับการบังคับบัญชาเพื่อการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนได้อย่างทันท่วงที
การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ได้สำรวจสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนไปแล้วทั้งสิ้น 68 หลัก จากจำนวนหลักเขตทั้งสิ้น 73
ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายไทยจัดตั้งหน่วยประสานงานชายแดนด้านยาเสพติด หรือ BLO ประจำการที่จุดผ่อนปรนฯ ช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเตรียมรองรับผลกระทบที่อาจมีขึ้นจากการยกระดับพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดผ่านแดนถาวรในอนาคต
สำหรับความคืบหน้าด้านการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง สถิติการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนรวมถึงเหตุการณ์ปะทะอันสืบเนื่องมาจากการลักลอบตัดไม้ดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
จึงขอให้สองฝ่ายจัดการประชุม “คณะกรรมการระดับชาติ” สองฝ่ายในโอกาสแรกเพื่อหารือแนวทางป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นการขยายความร่วมมือในรูปแบบใหม่
และขอเสนอให้สองฝ่ายช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณลำคลอง โดยอาจเริ่มต้นจากพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสำคัญ อันจะช่วยเสริมสร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามสำหรับผู้สัญจรข้ามแดนและช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับประเด็นความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ได้ย้ำถึงความสำคัญของความมั่นคง เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไทยและกัมพูชาจะต้องร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายและภัยคุกคามความมั่นคง รวมทั้ง สร้างสรรค์ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม
Cr : วาสนา นาน่วม