ไพบูลย์มั่นใจบัตร 2 ใบ
พปชร.สู้ได้ไม่แพ้พท.
ถึงจะตกเป็นเป้าโดนวิพากษ์ว่า พปชร.คิดผิดที่สนับสนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะไปเข้าทางพรรคเพื่อไทย ผู้ช่ำชองจัดเจน และเอาชนะพรรคคู่แข่งอื่นๆมาแล้ว ตามรธน.40 แต่แกนนำในพลังประชารัฐยังคงมั่นใจว่าจะได้เปรียบแน่นอน โดยเฉพาะไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายคนสำคัญที่พล.อ.ประวิตรใช้บริการตลอด ตัังแต่ร่างแก้ไขรธน. 2 มาตรา และล่าสุด เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค ถึงขััีนเบรคกลับข้อเสนอของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ให้นายกฯส่งเรื่องให้ศาลรธน.ตีความ ร่างแก้ไขเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะจะให้ระบอบทักษิณคืนชีพ
”ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรเป็นปัญหา ที่เป็นบัญหาคือหมอวรงค์ ยืนยันตอนนี้ไม่มีระบอบทักษิณ ไม่มีระบอบประยุทธ์ มีแต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เป็นคำกล่าวของหัวหน้าทีมกม.พปชร.
ก่อนหน้านี้ ประเมินกันว่าพรรคขนาดใหญ่จะได้อานิสงส์จากระบบเลือกตั้ง 2 ใบ คือใบแรกเลือกคนและใบที่ 2 เลือกพรรค ทั้งไม่เชื่อว่า ระบบนี้ไม่น่าจะเอื้อให้เกิด 2 พรรคใหญ่ได้ เนื่องจากเลือกตั้ง ปี 44 ปี 48 และปี 50 พรรคไทยรักไทยและพลังประชนชนชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ชนิดที่พรรคใหญ่คู่แข่งขณะนั้นอย่างประชาธิปัตย์ ไม่อาจแข่งรัศมีได้ แม้แต่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการทุจริตพร้อมยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก จำนวนส.ส.ก็ยังไม่เกณฑ์ จนทักษิณ ชินวัตร กระแหนะกระแหนจะให้ยืมส.ส.ของพรรคไปลงชื่อให้ในญัตติมาแล้ว
จึงเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์จากกูรูหลายคน ที่เห็นว่า พปชร.คิดผิด ที่เปลี่ยนไปหนุนบัตร 2 ใบ เว้นแต่จะเปลี่ยนวิธีคิดคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไปใช้แบบระบบเยอรมนี แต่ล่าสุด ไพบูลย์ ได้ยืนยันแล้ว่า จะใช้วิธีนับคะแบบเดิมแบบเทียบบัญญัติไตรยางค์ที่ใช้ตามรธน.40
สาเหตุที่รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมายมั่นอกมั่นใจมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะสถานภาพพรรคเพื่อไทย แม้จะลิงโลดคิดว่าไดัเปรียบแน่ๆ หากกลับไปใช้กติกาเก่าที่ตนถนัด ถึงขัันประกาศจะกวาดส.ส. 200 คน แต่ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยก็แตกกระจายเป็นไผ่แยกกอ ทั้งกลุ่มภูมิธรรม-หมอมิงค์-หมอเลี๊ยบ-พงษ์ศักด์ รักตพงษ์ไพศาล ที่ออกไปตั้งกลุ่ม แคร์ คิด เคลื่อนไทย กลุ่ม’หญิงหน่อย๋’แยกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย เชื่อว่าจะมีส.ส.เพื่อไทยในกลุ่ม ย้ายตามไปอีกหลายคน จาตุรนต์ ฉายแสง มีข่าวเตรียมตั้งพรรคใหม่
ยังไม่นับรวม’ดีลลับ’ที่ว่ากันว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะมีบางสาย’ยกทีม’ไปอยู่ขั้วพปชร. เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับการเลือกตั้ง 62 และอีกบางส่วนจะย้ายไปพรรคอื่น เมื่อเห็นว่า โอกาสจะชนะ และนำคนแดนไกลกลับประเทศอย่างที่พยายามจุดพลุในช่วงที่ผ่านมา สรุปแล้ว จะไม่สามารถเป็นจริงได้เลย ทำให้ความหวังจะกลับไปเป็นพรรคใหญ่ถดถอยน้อยลงเด่นชัด
ว่ากันว่า พปชร.มองลึกถึงขั้นกางแผนที่ประเทศไทย พิจารณาดูเป็นรายจังหวัดที่เพื่อไทยเคยยึดพื้นที่ แต่เลือกตั้ง 62 โดนเจาะถูกทะลวงไปหลายสิบจังหวัด แม้แต่จังหวัดใหญ่ๆ ที่เคยเป็นฐานไข่แดง แม้แต่เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง กำแพงเพชร ในภาคเหนือ ขอนแก่น นครราชสีมา สุรินทร์ ในภาคอีสาน นครสวรรค์ กาญจนบุรี สมุทรปราการ ในภาคกลาง รวมทั้งพื้นที่ภาคใต้ ที่เพื่อไทยยังไม่สามารถเจาะได้ แต่พปชร.ปักธงได้ถึง 14 คน เช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ที่พปชร.แย่งมาได้ถึง 1 ใน 3
การลงถึงรายละเอียดและประเมินแนวโน้มของพรรคเพื่อไทย ณ ปัจจุบัน และมองข้ามชํอตไปถึงเลือกตั้งครัังหน้า จึงเป็นคำตอบที่อธิบายว่า เหตุใดพปชร.จึงเชื่อว่าจะชนะในกติกาบัตร 2 ใบ ยังไม่นับ เสึยงส.ว.250 เสียงที่ยังมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯอีกสมัย
ประจักษ์ มะวงศ์สา