#ไพ่สำรับสุดท้าย ! ดร.เทอดศักดิ์ เตือนระวังสงครามกลางเมือง

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า ไพ่สำรับสุดท้าย

การเดินหมากครูเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมืองการปกครอง หน้าไพ่ต่างๆได้เปิดออก มาจนหมดจนสิ้นแล้ว ตัวละครก็ชัดเจนว่ามีใคร อย่างไร ที่แบ่งเป็นสองสาย ผ่าน 2 พรรคการเมือง มีเพียงพวกนักการเมืองที่ไม่ประสาการเมือง ที่เข้ามามีอำนาจ มิรู้ตัวเองว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่กำลังใช้เขาเป็นตัวละคร ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ตามหลักการปฏิวัติประชาชน หรือการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่มีการลงมือใช้จริงในไทย เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ยามย่ำรุ่ง

สำหรับการปฏิวัติฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Révolution française) ระหว่างปี 1789-1799 เป็นยุคสมัยแห่งกลียุค ทางสังคมและการเมืองที่เปลี่ยนถึงรากฐานในฝรั่งเศสซึ่งมีผลกระทบใหญ่หลวงต่อฝรั่งเศสและยุโรปที่เหลือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ปกครองฝรั่งเศสมาหลายศตวรรษล่มสลายลงใน 3 ปี สังคมฝรั่งเศสผ่านการปฏิรูปขนาดใหญ่ โดยเอกสิทธิ์ในระบบเจ้าขุนมูลนาย ของอภิชนและของนักบวชถูกกำจัดหมดสิ้นไปภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มการเมืองฝ่ายสาธารณรัฐนิยมฝูงชนบนท้องถนน และชาวไร่ในชนบท แนวคิดดั้งเดิมที่เกี่ยวกับจารีตประเพณีและลำดับชั้นบังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจและฐานันดรของกษัตริย์ อภิสิทธิชน และนักบวชในศาสนา ถูกโค่นล้มอย่างฉับพลัน และถูกแทนที่โดยอุดมคติของความเสมอภาค ความเป็นพลเมือง และสิทธิที่ไม่อาจถูกพรากได้ (inalienable rights) อันเป็นหลักการใหม่แห่งยุคเรืองปัญญา การปฏิวัติฝรั่งเศสก่อให้เกิดผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทิศทางของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นำไปสู่ความเสื่อมของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั่วโลก นักประวัติศาสตร์ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

การปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นใน 1789 ด้วยการเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ในเดือนมิถุนายนปีแรกของการปฏิวัติ เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อสมาชิกฐานันดรที่สามประกาศคำปฏิญาณสนามเทนนิส ว่าจะไม่ยอมถอนตัวจนกว่าจะไม่ยอมสลายตัวจนกว่ามอบรัฐธรรมนูญให้แก่ประเทศได้การทลายคุกบัสตีย์เกิดขึ้นตามมาในเดือนกรกฎาคม คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในเดือนสิงหาคม และการเดินขบวนสู่แวร์ซายซึ่งบังคับให้ราชสำนักกลับไปยังกรุงปารีสในเดือนตุลาคม เหตุการณ์ในปีถัด ๆ มาแสดงถึงความตึงเครียดระหว่างสมัชชาเสรีนิยมต่าง ๆ และกษัตริย์ทางฝ่ายขวาซึ่งแสดงเจตนาขัดขวางการปฏิรูปใหญ่

ต่อมามีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐในเดือนกันยายน 1792 และในปีถัดมา 21 มกราคม ค.ศ. 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ถูกตัดสินประหารด้วยกิโยติน นับเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมในประวัติศาสตร์การล้มล้างกษัตริย์โดยประชาชน ก่อนที่ฝรั่งเศสจะเข้าสู่ความโกลาหล การนองเลือด และสงครามที่มาจากทั้งภายนอกและภายในประเทศ จนถูกขนานนามว่าเป็นยุคแห่งความหวาดกลัว (The Terror)

การปฏิวัติสยาม มีหลักคิดจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ ได้นำหลักคิดนี้มาใช้ในพ.ศ. 2475 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า “คณะราษฎร” โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก

หัวใจสำคัญในการปฏิวัติสยาม ที่แตกต่างจากปฏิวัติฝรั่งเศส คือ มีการจับกุมพระบรมวงศานุวงค์เป็นตัวประกัน ไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยมีเหล่าบรรดาทหารราชองค์รักษ์เข้าร่วมขบวนการบีบบังคับให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนแปลงการปกครอง เหมือนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซีย ซึ่งมีการสังหารราชวงศ์โรมานอฟหลังถูกจับกุมโดยกองทัพแดงในเยคาเทรินบุร์ก เมื่อสงครามกลางเมืองดำเนินไปและกองทัพ ต่อมาราชวงค์ทั้งหมดถูกประหารในห้องใต้ดิน ทั้งหมด

หลักหัวใจของการปฏิวัติฝรั่งเศสเริ่มต้นจากการปล่อยข่าวลือ โจมตีราชวงค์ ให้ประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้าน ขอให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อ้างความร่ำรวย ในขณะที่ประชาชนยากจน แล้วพัฒนาเป็นการปลุกเพื่อล้มล้างการปกครอง โดยมีคนรุ่นใหม่เป็นเครื่องมือสำคัญ ตั้งเป็นองค์กรที่เรียกว่า เรดการ์ด แล้วจึงมีการยกระดับพัฒนาเป็นสงครามกลางเมือง ด้วยการจับอาวุธของฝ่ายเอาเจ้าและฝ่ายล้มเจ้า แล้วนำประชาชนบุกเข้าไปยังพระราชวัง ทหารยอมวางอาวุธ จับกุมราชวงค์จนเป็นที่มาของปฏิวัติประชาชน

แผน คู เดต้า (coup d’etat) หรือการปฏิวัติชิงอำนาจ ของ……. นักวิชาการฝรั่งเศสได้เขียนทฤษฎีนี้ขึ้นมา เก็บไว้อยู่ในห้องสมุดในประเทศฝรั่งเศส มีคนไทย ที่ได้เดินทางไปศึกษาวิชานี้ ขณะที่เดินทางไปรักษาตัว เพราะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เวลา 20.09 น. โจโลฤกษ์

แผนเหล่านี้ถูกปรับปรุงพัฒนาในลักษณะตัวแปรตาม เอามาใช้ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา โดยใช้สื่อใหม่เป็นเครื่องมือ ทำให้คนรุ่นใหม่ที่มิรู้เท่าทันทางการเมืองตกเป็นเครื่องมือ จนเกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ที่ค้ำจุนราชบัลลังค์ และไล่ล่าพระมหากษัตริย์ ด้วยการเริ่มต้นให้ เรดการ์ดเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ตามทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศฝรั่งเศส

การที่เขาขนครอบครัว ญาติ พี่น้อง ลูก เมีย ไปอยู่ยังดูไบ จนครบทุกคน เพราะหวั่นถูกจับกุม เหมือนการลงมือสร้างสถานการณ์ทุกครั้ง เช่น เมษาจราจล ปี 52 และ พฤษภาทะเลเพลิง ปี 53 ทั้งหมดก่อนจะเล่นไพ่สำรับสุดท้าย จึงกล้าให้มวลชนบุกเข้าไปยังสถานทูตเยอรมันนี 26 ตุลาคม 2563 หลังกดดันล่อให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ล่อให้เปิดประชุมสภา แล้วแสร้งจะไม่ไปร่วมประชุมทั้งที่ให้ฝ่ายตนเองเรียกร้องให้เปิดประชุม เพื่อล่อให้ ครม.-สว.-สส.เข้าไปสู่จุดอับ เพื่อทำการล้อมทำร้าย เพื่อช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ในปี. 2553 และเพิ่งใช้มาหมาดๆ เมื่อ 26 กันยายน 2563 ในการเปิดประชุมเพื่อขอแก้ไขรธน.

ในเชิงยุทธวิธีแล้ว ฝ่ายกษัตริย์ถูกแบ่งเป็นสอง เป็นพวกเอากษัตริย์ เอานายก และเอากษัตริย์ แต่ไม่เอานายก ทำให้ง่ายต่อการลงมือรุกในเชิงยุทธวิธี มิต่างจากสถานการณ์ในรัสเซีย และฝรั่งเศสการนำมวลชนไปที่สถานทูตเยอรมัน ก็เพื่อกดดันให้เยอรมันนี บีบไม่ให้พระมหากษัตริย์ เดินทางกลับไปได้ และยังเป็นการกดดันให้กษัตริย์ บีบให้นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อมีการคัดสรรใหม่ ไม่ให้ สว.มาโหวด เพื่อให้คนของเขานั้น มาดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วจะให้นิรโทษกรรมให้ตนเองและครอบครัว เหมือนเคยทำมาแล้วในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เกมจากนี้ใปไพ่สำรับสุดท้ายจะเข้มข้น เพราะฝ่ายคุมอำนาจในปัจจุบันเป็นทหาร เตรียมทหารรุ่นน้อง ใช้หลักการทหารนำการเมือง ไม่มีความเข้าใจยุทธศาสตร์การเมือง การปกครองอย่างลึกซึ้งฝ่ายเสธก็เป็นทหารมาใหม่ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง ต่างจากยุคเดิมที่ ทีม(ลับ)ของพลเอกเปรมติณสูลานนท์ จะมีหน้าที่ดูแลทางการเมือง การปกครอง

การถวายความปลอดภัยในระหว่างนี้จึงมีความจำเป็นอย่างมาก แม้ได้มีการเตรียมการรับมือในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม เพราะเขาต้องมั่นใจแล้วจึงว่าคุมเกมสุดท้ายได้ จึงเดินเกมนำมวลชนไปยังสถานทูตเยอรมัน และจะล่อให้เกิดการจราจลในช่วงการประชุมสภา เพื่อหาทางออก โดยเขาจะยืนหลักข้อเรียกร้องเดิม นายกต้องลาออก แก้รธน.ให้ฝ่ายเขาได้เปรียบ และต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์บีบทุนหนทางเหมือนยิ่งลักษณ์ เคยถูก กปปส.ทำมา เมื่อปี 2556-2557 เกมนี้จะจบลงที่จับกุมพระบรมวงศานุวงค์เป็นตัวประกัน เหมือน ฝรั่งเศส รัสเซีย และไทยเคยเผชิญมาแล้ว

ในทางกลับกัน สถานการณ์ในลักษณะเช่นนี้ หากดูเชิงประวัติศาสตร์แค่ตามองเห็น จะเข้าใจว่ารัฐบาลนั้นจนกระดาน ยอมถอย เลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดประชุมสถาตามข้อเรียกร้อง หากแก้ไม่ได้ ก็จะทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ ซึ่งยิ่งทำจะยิ่งเละ ความชอบธรรมจะน้อยลง ต่างชาติจะมีความชอบธรรมเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน เจรจาแบ่งแยกอำนาจการปกครองใน ทันที เหมือนเกิดขึ้นในหลายประเทศในปัจจุบัน เช่น เกาหลี เหนือ ใต้ ซีเรีย ยูเครน อาเซอไบจัน เป็นต้น

ทางออกของสถานการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ในเชิงการสังเคราะห์แล้ว มีทางออกเพียงทางเดียว เปิดยุทธการไตรรงค์ ด้วยการแม่นยำในยุทธศาสตร์ (ในเฟสแรก) ใช้กระดาษเพียงแผ่นเดียว คนเพียงคนเดียว เพราะยังคงมีการใช้พรก.ฉุกเฉินอยู่ ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงเรียกผู้บงการ นักการเมือง แกนนำ ทั้งนอกใน ประเทศเข้ารายงานตัว หากไม่มาจะมีความผิดโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท (หรือจะลองเปิดสภาให้ถูกล้อมกระทืบก่อนก็ได้)

เมื่อเริ่มดำเนินการจะส่งผลให้อารยะประเทศทราบทันทีว่า สถานการณ์ในไทยนั้น เป็นการแย่งชิงอำนาจ ของผู้ต้องหา คดีคอรัปชั่นที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศเป็นคนบงการ โดยมีพรรคการเมืองนักการเมืองของเขา ม๊อบ เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น หากแม่นยำ ภายในไม่เกิน 7 วันสถานการณ์ของไทยจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ประเทศจะเดินหน้าได้ ความมั่งคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สันติสุขก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยความปรารถนาดี