#ไฮไลท์!!!!!สื่อทุกสำนักจับจ้องแค่การจับมือของผู้นำโลก ปูตินกับทรัมป์!
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้พบตัวจริงของกันและกันเป็นครั้งแรกในการประชุมกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ หรือ จี 20 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
ผู้นำทั้งสองชาติกล่าวว่า ต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ รวมถึง การกล่าวหาว่ารัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย
คลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่ถูกโพสต์บนหน้าเพจเฟซบุ๊กของรัฐบาลเยอรมนี แสดงให้เห็นว่าผู้นำทั้งสองคนจับมือกัน และนายทรัมป์ได้แตะแขนของนายปูติน ขณะที่ทั้งสองคนยิ้มแย้มท่ามกลางหมู่ผู้นำชาติอื่น ขณะนี้ผู้นำทั้งสองชาติกำลังหารือทวิภาค แต่ไม่แน่ชัดว่าจะมีการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวหลังการหารือหรือไม่
ความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่งระหว่างผู้ชายทั้งสองคนนี้คือ ภูมิหลังของพวกเขา
นายวลาดิเมียร์ ปูติน เคยทำงานเป็นสายลับในสมัยสงครามเย็น และเคยเป็นสายลับโซเวียตในเยอรมนีตะวันออก
เขาคุ้นเคยกับการปฏิบัติงานโดยไม่ตกเป็นที่สนใจ และเก็บตัวเงียบในฐานะผู้ช่วยของนายกเทศมนตรีนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในช่วงยุคทศวรรษ 1990 ก่อนที่จะเข้าร่วมกับหน่วยข่าวกรองเอฟเอสบี และต่อมาได้เป็นประธานาธิบดีรัสเซีย
นายปูติน เป็นผู้นำด้านการเมืองรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2000 และมีชื่อเสียงในแง่ของการเป็นนักสู้ข้างถนนที่หลักแหลม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะในอดีตเขามีชีวิตอย่างลำบากในตึกที่พักอาศัยของรัฐในเมืองเลนินกราด
เขาเคยกล่าวว่า ช่วงเวลานั้นสอนให้เขารู้ว่า “ถ้าเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ ก็ต้องเป็นฝ่ายออกหมัดก่อน”
แตกต่างจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก เขาสามารถหลบเลี่ยงการถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติในกองทัพในช่วงสงครามเวียดนาม และเริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเองจากเงินกู้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 35 ล้านบาทจากพ่อของเขา จนสามารถสร้างโรงแรมและสินทรัพย์ต่าง ๆ และอาณาจักรบันเทิง
นายทรัมป์ ไม่ได้เก็บตัวเงียบเหมือนกับนายปูติน แต่เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงในฐานะพิธีกรรายการโทรทัศน์แนวเรียลลิตี้ เดอะ แอปเพรนทิซ (The Apprentice)
ในเวลาต่อมา เขาได้ใช้ชื่อเสียงและความมั่งคั่งของตัวเองก้าวกระโดดขึ้นมาสมัครเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2015
นายทรัมป์มีความหุนหันพลันแล่น และคาดเดาไม่ได้ แต่ก็พร้อมที่จะสู้เช่นเดียวกับผู้นำรัสเซีย
ทั้งนายทรัมป์และนายปูตินต่างมีความคิดจะทำให้ประเทศของตัวเองกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยนายปูตินเรียกการล่มสลายของสหภาพโซเวียตว่า “หายนะทางภูมิศาสตร์การเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ (ที่ 20)”
ท่าทีของผู้นำรัสเซียที่มีต่อยูเครนและซีเรียถูกมองว่าเป็นความพยายามในการทำให้รัสเซียมีอำนาจและอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เขายังโจมตีชาติตะวันตกที่ขยายกองกำลังของนาโตเข้ามาในยุโรปตะวันออกด้วย
เจ้าหน้าที่ทางการของยุโรปตะวันตกกล่าวหาเขาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งในประเทศ เพื่อพยายามจะทำให้ อียู อ่อนแอลง
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีคำพูดของตัวเองว่า “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” โดยเขาได้เพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหารของสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อชาติพันธมิตรให้ปกป้องตัวเองมากขึ้น และล้มเลิกความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพื่อปกป้องงานในประเทศในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเช่นถ่านหิน
พวกเขายังมีลักษณะของ “ผู้ชายที่แข็งแกร่ง” และมีทัศนคติดของผู้ชายเป็นใหญ่เช่นเดียวกันด้วย ซึ่งสะท้อนผ่านการพบปะกับผู้นำชาติอื่น ๆ
นายทรัมป์ ปฏิเสธที่จะจับมือกับนางอังเกลาร์ แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ระหว่างการถ่ายภาพร่วมกันในเดือนมีนาคม และเขาได้แทรกตัวเบียดนายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกรที่การประชุมสุดยอดนาโตในกรุงบรัสเซลส์เมื่อเดือนพฤษภาคม เพื่อก้าวไปอยู่ตรงกลางด้านหน้าหมู่ผู้นำ
นายปูติน ใช้วิธีการอื่นที่แยบยลมากกว่าในการข่มคนอื่น ครั้งหนึ่งเขาปล่อยให้สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ของเขาเข้ามาในห้องระหว่างหารือกับนางแมร์เคิล ซึ่งกลัวสุนัข
ข่าววิหคนิวส์
เรียบเรียง