วันที่ 30 ก.ค. 60 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคดีรับจำนำข้าวของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการตัดสินคดีในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ว่า
เมื่อมีกำหนดวันตัดสินคดีที่แน่นอน ก็ปรากฎว่ามีความพยายามสร้างความเข้าใจผิดบิดเบือนประเด็น ก่อให้เกิดความสับสนอันก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคมโดยรวมได้ ทั้งๆ ที่เมื่อติดตามการดำเนินคดีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันก็ล้วนแล้วแต่เป็นการดำเนินการตามครรลองของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งเร่งรัดคดีเหมือนอย่างที่มีการสร้างความเข้าใจผิดบิดเบือนกันอย่างกว้างขวางอยู่ขณะนี้การพิจารณาคดีรับจำนำข้าวเป็นการดำเนินการตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ดังนี้
1. เปิดโอกาสให้มีการต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมอย่างครบถ้วน
2. การพิจาณาคดีใช้เวลาหลายปี เมื่อมีคำพิพากษาออกมาแล้ว จำเลยยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้ ไม่ได้มีการรวบรัดเร่งรีบทำคดี
3. ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งอายัดทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยไม่รอการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแต่อย่างใด การอายัดทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากโดยกรมบังคับคดีเป็นการทำงานตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนของกฎหมายเพราะรัฐในฐานะเป็นผู้เสียหายจากการรับจำนำข้าว อาจเกรงว่ามีการยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินและเงินในบัญชี รัฐจึงใช้อำนาจทางปกครองสั่งยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อนได้
4. การอายัดทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากขณะนี้ไม่ได้เป็นการชี้นำการตัดสินคดีรับจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ตามที่มีความพยายามบิดเบือนกันแต่อย่างใด แต่เป็นการทำหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานภาครัฐ
5. มีการบิดเบือนว่ารัฐอายัดทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากเพื่อเอาเงินไปใช้บริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงอายัดไว้เท่านั้น
นายองอาจกล่าวต่อว่าความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้คนในสังคมและอาจสะสมขยายตัวเป็นเงื่อนไขก่อให้เกิดปัญหากับบ้านเมืองในที่สุด
ทีมข่าววิหคนิวส์ รายงาน