ทางการจีนโต้กลับคำวิจารณ์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งตำหนิจีนเรื่องที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวของเกาหลีเหนือว่า ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากจีน และที่จริงทุกฝ่ายต่างก็ต้องช่วยกันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้
1 ส.ค.60 กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อความดังข้างต้น หลังผู้นำสหรัฐฯทวีตข้อความตัดพ้อจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จีนนั้นดีแต่พูดแต่ไม่ลงมือทำสิ่งใดเลยเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเกาหลีเหนือ
BBC – นายหลิว เจียอี้ ทูตจีนประจำสหประชาชาติระบุว่า ปัญหาดังกล่าวขึ้นอยู่กับสหรัฐฯและเกาหลีเหนือเป็นสำคัญ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับจีน “สหรัฐฯและเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายแรกที่ต้องรับผิดชอบในการทำให้สิ่งต่าง ๆ ขับเคลื่อนไปในแนวทางที่ถูกต้อง ทั้งการลดสถานการณ์ความตึงเครียด และพยายามให้เกิดการเจรจาเพื่อยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต่อไป” ทูตจีนประจำสหประชาชาติกล่าว
นายหลิวยังกล่าวย้ำว่า “ไม่ว่าจีนจะมีความสามารถเพียงใด ความพยายามของจีนจะไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคู่กรณีหลักเป็นสำคัญ”
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์เช่นกันว่า สหรัฐฯและชาติอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง พยายามจะโยนความรับผิดชอบเรื่องปัญหาเกาหลีเหนือมาให้รัสเซียและจีน โดยกล่าวโทษว่าทั้งสองประเทศสนับสนุนความทะเยอทะยานของเกาหลีเหนือในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
นายเฉียน เค่อหมิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ยังได้ออกมาตอบโต้กรณีที่นายทรัมป์ตำหนิจีนว่าไม่ช่วยเหลือเรื่องเกาหลีเหนือ ทั้งที่สหรัฐฯยอมเสียดุลการค้าให้จีนไปเป็นมูลค่ามหาศาลในอดีตว่า ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือและปัญหาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯนั้น เป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง และไม่ควรนำมาพูดเชื่อมโยงว่ามีความเกี่ยวข้องกัน
เผยขีปนาวุธเกาหลีเหนือลูกล่าสุดอาจล้มเหลว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลการวิเคราะห์วิดีโอที่บันทึกภาพขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ฮวาซอง-14 ของเกาหลีเหนือ ในการทดสอบยิงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่าหัวรบของขีปนาวุธได้แตกระเบิดออกก่อนตกสู่เป้าหมาย ซึ่งหมายความว่าการทดสอบเทคโนโลยีนำหัวรบกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกของเกาหลีเหนือนั้น ยังไม่ประสบความสำเร็จดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
นายไมเคิล เอลเลแมน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ (IISS) ที่กรุงลอนดอน เผยผลการวิเคราะห์ภาพขีปนาวุธที่บันทึกในวิดีโอดังกล่าว ซึ่งได้มาจากกล้องสังเกตการณ์สภาพอากาศที่เมืองมุโรรันบนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นว่า หัวรบของขีปนาวุธลุกไหม้และแตกระเบิดออกก่อนตกสู่เป้าหมายในทะเล ซึ่งแสดงว่าการทดสอบล้มเหลวและเกาหลีเหนือยังคงต้องแก้ไขเทคโนโลยีในส่วนนี้ต่อไปอีก
อย่างไรก็ตาม นายเอลเลแมนเตือนว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องการนำกลับหัวรบขีปนาวุธเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกของเกาหลีเหนือนั้น อาจใช้เวลาไม่นานนัก โดยอาจยังต้องยิงทดสอบขีปนาวุธอีก 2-3 ครั้ง ซึ่งอาจกินเวลาเพียง 6 เดือนนับจากนี้ ทำให้เกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่มีประสิทธิภาพได้ภายในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน
สำนักข่าววิหคส์นิวส์ รายงาน