สารวัตรทหารนอกราชการ “จ่ายักษ์”สารภาพสิ้นไส้เป็นคนจัดหาทีมอุ้มรีดเงินนักธุรกิจจีน โดยมีนายพลนอกรีตเป็นคนสั่งการ ตร.จับกุมครบยกแก็ง 10 ราย ขอหมายจับล่ามือซิ่งหมวกเขียว เพิ่มอีก 2 ราย
MGR Online รายงานว่า จากกรณี กลุ่มคนร้าย 9 ราย บุกเข้าไปที่บริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ก่อนอุ้ม นายสุรชัย แซ่ย่าง และนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการ ไปรีดเงินแลกปล่อยตัว ต่อมาผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ผ่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำมาสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 10 รายคือ พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ปอศ. ส่วนอีก 8 รายเป็นทหารและพลเรือน โดยถูกคุมได้แล้ว 9 ราย เหลือแค่ 1 รายที่ยังหลบหนี
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สน.โคกคราม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.นิติธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.กองบังคับการสายตรวจพ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รอง ผกก.สส. ฝ่ายสืบสวน สน.โคกครามและตำรวจ บก.สปพ. ได้ทำการจับกุมนายอุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1813/2560 ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันบุกรุกในเคหสถานและร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยสามารถจับกุมได้ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี ขณะกำลังเตรียมจะหลบหนี เบื้องต้นนายอุทิศให้การรับสารภาพว่า เป็นสารวัตรทหารนอกราชการ โดยทำหน้าที่เป็นคนจัดหาและประสานหาคนมาร่วมแก๊งอุ้มรีดดังกล่าว ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 30,000 บาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสามารถจับกุมนายอุทิศได้เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 16 สิงหาคม พร้อมกับน.ส.อารีรัตน์ ชมเชี่ยวชาญ แฟนสาวซึ่งหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่เดียวกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับทั้ง 10 รายได้ครบถ้วน และล่าสุดได้มีการออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย คือผู้ชายหมวกเขียว 1 รายทราบชื่อแล้วและอีก 1 รายทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ซึ่งอยากฝากไปถึงผู้ที่หลบหนีอยู่ว่าให้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ถ้าไม่มอบตัวก็ไม่เป็นไร เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดี
นายอุทิศ ให้การรับสารภาพว่าได้รับการจ้างวานจากพ.ต.ต.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5ปอศ โดยประสานผ่านนายโอภาส ศรียา ให้ไปเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีนพาไปพบพล.ต.จรูญที่โรงเรียนย่านดอนเมืองเท่านั้น ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่าชาวจีนได้บัตรประชาชนปลอม และไม่ทราบรายละเอียดอื่น หลังจากเสร็จงานก็ได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 30,000 และนำไปแบ่งให้นายฐิติกร ชื่นอุรา หรือจ่าต้อย จำนวน 15,000 บาท อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าเพิ่งเคยก่อเหตุดังกล่าวเป็นครั้งแรก
แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การรายงานข่าวแจ้งว่านายอุทิศป็นทหารยศส.อ. สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งนายอุทิศเป็นลูกน้องเก่าของพล.ต.จรูญ ตนจึงได้ติดตามมาทำงานกับทางพล.ต.ให้มาทำหน้าที่คุ้มกัน และจัดหาทีมคุ้มกัน นายอุทิศจึงได้ติดต่อนายฐิติกร และให้นายฐิติกรเป็นคนจัดหาลูกน้องอีกที ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายอุทิศทราบว่าภายหลังจากการเชิญตัวนักธุรกิจชาวจีน ครั้งแรกได้เงินมาจำนวน 1,000,000 บาท แต่ยังไม่ได้ส่งให้พล.ต.จรูญ
ต่อมาในวันที่ 17 สิงหาคม นักธุรกิจชาวจีนได้โอนเงินเข้าบัญชีมาอีก 1,000,000 บาท โดย นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่บ่ามได้หักเงินไป จำนวน 400,000 บาท จึงเหลือส่งมอบให้พล.ต.จรูญเพียง 1,600,000 บาท จากนั้นนายอุทิศก็ได้เงินส่วนแบ่งจำนวน 30,000 บาท ก่อนจะนำไปแจกจ่ายให้การนายฐิติกร จำนวน 15,000 บาท อย่างไรก็ตามนายอุทิศ ได้มีหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
Cr: https://amp.mgronline.com/crime/9600000083676.html
สำนักข่าววิหคนิวส์