27 กรกฎาคม 2560 ดร.บุญเลิศไพรินทร์ อดีตวุฒิสมาชิก ได้โพสข้อความระบุว่า “บทเรียนราคาแพงที่เกิดกับเผด็จการรัฐสภาและความเสียหายที่เกิดกับบ้านเมืองอย่างมหาศาลอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมืองจะด้วยเพราะเหลิงในอำนาจ
หรือเพราะหลงลืมใดๆก็ตามแต่ผลพวงที่มันตามมาด้วยการยึดทรัพย์จากการทุจริตในโครงการจำนำข้าวก็ดี หรือโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมด้วยเงินงบประมาณอันสูงลิ่วเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องโดยไม่มีอำนาจจ่ายตามนั้นก็ดีเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับตัวคุณ
ยิ่งลักษณ์เองในฐานะอดีตหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีรวมทั้งข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีกด้วยในฐานะที่เราเป็นมนุษย์เป็นคนไทยและชาวพุทธด้วยกันแทนที่ผมจะมีความรู้สึกสะใจหรือสมน้ำหน้าเหมือนคนทั่วไป ผมกลับรู้สึกสงสารและเห็นใจพวกเขาเหล่านั้นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยิ่งลักษณ์ฯ
อย่างไรก็ตาม ผมเคยเตือนในสภามาอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่จำได้ครั้งแรกเตือนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา
ในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ว่าจะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล(Governance Principles)อย่างแท้จริงคือหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักการมีส่วนร่วม หลักความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
เมื่อผมอภิปรายเสร็จก็ได้พบคุณยิ่งลักษณ์ที่เดินออกมานอกห้องพบผมพอดี คุณยิ่งลักษณ์ยังขอบคุณผมและรับปากกับผมว่าจะรับไปทำตามที่อภิปราย ผมก็รู้สึกดีใจว่านายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะบริหารประเทศตามหลักธรรมาภิบาล แต่ท่านบริหารประเทศไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลเลยสักข้อเดียว ผลจึงเกิดแต่เหตุที่ต้องมารับเคราะห์กรรมทำให้ผมต้องสงสารจนได้ การเตือนครั้งที่สองก็คือได้อภิปรายว่าผมไม่ชอบเผด็จการทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเผด็จการ รัฐสภาหรือเผด็จการทหารทั้งนี้เพราะผมเชื่อ ปรมาจารย์ทางรัฐศาสตร์ชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Lord Acton ที่เตือนไว้ว่า “ที่ใดมีอำนาจที่นั่นมีแนวโน้มที่จะฉ้อฉล ที่ใดมีอำนาจเหลือล้นที่นั่นก็จะฉ้อฉลจนสุดประมาณ”(Power tends to corrupt, absolute power corrupts absolutely.)ผมพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในสภา
แต่รัฐสภาและรัฐบาลก็ไม่สนใจคำเตือนของผม จึงทำตัวเป็นเผด็จการรัฐสภาอยากจะทำอะไรก็ ทำตามอำเภอใจที่ปรารถนา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่บ้านเมือง เผด็จการทหารก็กลับเข้ามาเพื่อระงับยับยั้งความสูญเสีย และความเสียหายของบ้านเมืองคำเตือนครั้งที่สามก็คือผมได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าที่ที่ท่านทั้งสองให้ข่าวว่าได้ทำสัญญาขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศหลายประเทศนั้นมีสัญญากับประเทศใดบ้าง(จีทูจี) ก็ปรากฏว่าไม่มีใครไปตอบกระทู้ถามของผมเลยไม่ว่านายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จริงๆแล้วที่ไม่กล้าไปตอบกระทู้ถามของผมเพราะมันไม่มีสัญญาดังกล่าวแม้แต่ประเทศเดียว มีแต่สัญญาแบ่งกันเจี๊ยะเท่านั้น
ผมได้ทำหน้าที่ผู้แทนจังหวัดฉะเชิงเทราและในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยด้วยความปรารถนาดีกับรัฐบาลและรัฐสภาในฐานะกัลยาณมิตรโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแม้จะอยู่คนละพรรคหรือฝ่ายค้านกับรัฐบาลก็ตาม เพราะผมคิดและเชื่อว่าถ้านักการเมืองทุกคนทุกพรรคทุกฝ่ายเป็นนักการเมืองทั้งเก่งและดีจะช่วยให้ประเทศชาติและประชาชนมีความเจริญเติบโตก้าวหน้าอิ่มปากอิ่มท้องร่วมกันทุกคนมีความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืนนี่คืออุดมการณ์และปณิธานทางการเมืองของผม ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีเพื่อนในทุกพรรคการเมืองนั่นเอง”