เจ้าหน้าที่ทางการอินเดียระบุว่า เกิดการปะทะกันระหว่างทหารจีนและอินเดียตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาทบริเวณเทือกเขาหิมาลัยตะวันตก หลังจากคุมเชิงกันมานานนับเดือน
18 สิงหาคม 2560 BBC – สำนักข่าวพีทีไอของอินเดีย รายงานว่า ทหารได้ปาก้อนหินใส่กัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ทหารจีนพยายามจะเข้ามาในดินแดนของอินเดียใกล้กับทะเลสาบปันกง ด้านรัฐบาลจีนยืนยัน ทหารทั้งสองฝ่ายอยู่ในดินแดนของจีน
จีนและอินเดียยังไม่สามารถหาทางออกกรณีพิพาทในพื้นที่ดอกลัม (Doklam) ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างจีน อินเดีย และภูฏาน
สำนักข่าวพีทีไอ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ทางการกองทัพว่า การปะทะกันล่าสุด ทหารอินเดียต้องทำโซ่มนุษย์เพื่อกันไม่ให้ทหารจีนบุกเข้ามาในดินแดนที่อินเดียอ้างว่าเป็นของตัวเอง และตั้งอยู่ใกล้กับภูมิภาคลาดักห์ ขณะที่จีนก็อ้างว่าดินแดนนี้เป็นของตน
เจ้าหน้าที่ทางการอินเดีย เปิดเผยต่อบีบีซีว่า เขาไม่สามารถยืนยันได้หรือปฏิเสธรายงานของสื่อได้ แต่ระบุว่า “เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น” และยังระบุว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น”
กระทรวงต่างประเทศจีน ระบุในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า “ฝ่ายอินเดียต้องถอนบุคลากรและอุปกรณ์ทุกอย่างออกจากแผ่นดินจีนโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข” และได้เน้นย้ำว่าทหารของจีนได้อยู่ในเขตแดนของจีนขณะที่เกิดการปะทะกันขึ้น
แถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากกระทรวงต่างประเทศอินเดีย ระบุว่า “ไม่มีการกำหนด เส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริง (Line of Actual Control–LAC) ร่วมกันในพื้นที่พรมแดนระหว่างอินเดียและจีน”
อินเดียยังได้ระบุด้วยว่า การรับรู้เส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริงที่ไม่ตรงกัน ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้ามีความเห็นชอบร่วมกันในเรื่องเส้นพรมแดน
การปะทะกันล่าสุดเกิดขึ้น แม้ว่ากองทัพจีนและอินเดียยังคุมเชิงกันอยู่นาน 2 เดือนในพื้นที่ที่ขยับออกไปทางตะวันออก ใกล้กับที่ราบสูงที่รู้จักกันในชื่อ ดอกลัมในอินเดีย หรือ ต้งหล่างในภาษาจีน
ตั้งแต่เริ่มมีการเผชิญหน้ากันในเดือนมิถุนายน แต่ละฝ่ายได้เสริมกำลังทหารและเรียกร้องให้อีกฝ่ายถอยทัพ
จีนและอินเดียเคยทำสงครามกันมา 1 ครั้งเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านพรมแดนในปี 1962 และข้อพิพาทหลายอย่างก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้เกิดความตึงเครียดขึ้นเป็นระยะ ๆ
ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ความขัดแย้งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเนื่องจากอินเดียต่อต้านความพยายามของจีนในการขยายถนนตามแนวพรมแดนผ่านที่ราบสูงดอกลัม หรือ ต้งหล่าง
ที่ราบสูงนี้ตั้งอยู่ระหว่างจีน รัฐสิกขิมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และ ภูฏาน และเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างจีนและภูฏาน ส่วนอินเดียให้การสนับสนุนการอ้างกรรมสิทธิ์ของภูฏานเหนือพื้นที่นี้
อินเดียกังวลว่า ถ้าสร้างถนนเสร็จ จะทำให้จีนเข้าใกล้พื้นที่ที่เรียกว่า “คอไก่” (Chicken’s Neck) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความกว้าง 20 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือ 7 รัฐกับแผ่นดินใหญ่ของอินเดีย
อินเดียว่าอย่างไร?
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของอินเดียระบุว่า รัฐสิกขิม เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่อินเดียสามารถใช้ในการตอบโต้การบุกของจีนได้ นอกจากนี้ยังเป็นแนวพรมแดนเดียวของเทือกเขาหิมาลัยที่ทหารอินเดียมีความได้เปรียบทางยุทธวิธีและภูมิประเทศ
พื้นที่นี้อยู่สูงกว่าฝั่งของจีน ฐานที่มั่นต่าง ๆ ของจีนจะถูกบีบให้อยู่ระหว่างอินเดียและภูฏาน
พลตรีคาคันชิต ซิงห์ ซึ่งเคยบัญชาการทหารตามแนวชายแดนของอินเดียเปิดเผยต่อบีบีซีว่า “จีนรู้เรื่องนี้ ก็เลยพยายามที่จะทำให้อินเดียสูญเสียความได้เปรียบที่นั่น”
จีนว่าอย่างไร?
จีนเน้นย้ำถึงอธิปไตยเหนือพื้นที่ดังกล่าว โดยระบุว่าถนนที่สร้างอยู่ในดินแดนของจีน และกล่าวหาทหารอินเดียว่า “รุกล้ำ” นอกจากนี้ยังเตือนให้อินเดียนึกถึงความพ่ายแพ้ในสงครามปี 1962 โดยจีนในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากกว่าสมัยนั้นมาก
ก่อนหน้านี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า พรมแดนในสิกขิมได้รับการแก้ไขแล้วตามข้อตกลง 1890 กับอังกฤษ และการละเมิดข้อตกลงนี้ของอินเดียถือเป็น “เรื่องร้ายแรงมาก”
นอกจากนี้หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ของจีนยังกล่าวหาอินเดียว่าบ่อนทำลายอธิปไตยของภูฏานด้วยการเข้ามาแทรกแซงโครงการถนน แม้ว่ารัฐบาลภูฏานจะได้ออกมาเรียกร้องให้จีนยุติการก่อสร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ภูฏานมีบทบาทอย่างไรในเรื่องนี้?
เวตซอป นัมเกล ทูตภูฏานประจำกรุงนิวเดลีของอินเดีย กล่าวว่า การสร้างถนนของจีนเป็น “การละเมิดข้อตกลงระหว่างสองประเทศ”
ภูฏานและจีนไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นทางการ แต่ติดต่อกันผ่านรัฐบาลอินเดีย
ชัยทีป สายกียา นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง กล่าวกับบีบีซีว่า รัฐบาลจีนกำลังพยายามจะติดต่อกับรัฐบาลภูฏานโดยตรงมาสักพักแล้ว โดยภูฏานถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของอินเดียในเอเชียใต้
“พวกเขาพยายามจะบีบให้รัฐบาลภูฎานหันไปหารัฐบาลจีนเหมือนกับที่เนปาลทำ ก็เลยชูประเด็นอธิปไตยของภูฏานขึ้นมา” เขากล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์