16 ก.ค.60 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐ ธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่มีเจตนามุ่งเอาผิดย้อนหลังอดีตนายกรัฐมนตรีคนใด และไม่ขัดต่อหลักการสากลการพิจารณาคดีในการละเมิดสิทธิจำเลยที่ให้ไต่สวนคดีลับหลังจำเลย
แนวหน้า – นายสมชาย กล่าวว่า ประเด็นนี้ได้ชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ไปแล้วหลายประเทศ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส ใช้กฎหมายฉบับนี้เช่นกัน ยืนยันว่านอกจากไม่ละเมิดสิทธิจำเลยแล้ว ยังให้สิทธิจำเลยเต็มที่ ไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิ เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สิทธิจำเลยสามารถตั้งทนายต่อสู้คดีในการไต่สวนลับหลังได้ แม้เจ้าตัวจะหนีอยู่ต่างประเทศก็ตาม และถ้าศาลพิจารณาตัดสินลงโทษจำเลยไปแล้ว ยังมีสิทธิขอให้ศาลรื้อฟื้นใหม่ได้ภายใน 1 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษา หากเห็นว่ามีหลักฐานใหม่มาต่อสู้ หรือหากยังไม่พอใจยังมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาฯ ได้อีก เพียงแต่การขอรื้อฟื้นคดี และการอุทธรณ์นั้น จำเลยต้องเดินทางกลับมาแสดงตัวต่อศาลเท่านั้น จึงมีสิทธิดำเนินการได้
“พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้สิทธิปกป้องจำเลยเต็มที่ตั้งแต่การตั้งทนายสู้คดีลับหลัง การรื้อฟื้นคดี และการอุทธรณ์ ไม่ได้จบเพียงชั้นเดียวเหมือนที่ผ่านมาถือว่าแฟร์มาก อยากให้คนที่หลบหนีคดีกลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นโอกาสดีที่จำเลยจะได้พิสูจน์ความถูกผิด มีสิทธิต่อสู้ถึง 3 ชั้น ไม่ต่างจากการต่อสู้ในศาลยุติธรรมทั่วไป แล้วจะไม่เอาอีกหรือ ไม่รู้คนที่ต่อต้านคิดอย่างไร หรือต้องการให้เกิดการทุจริต หากสามารถดำเนินการไต่สวนลับหลังตามกฎหมายฉบับนี้ได้แล้ว เชื่อว่าคดีที่จำเลยหนีไป จะพิจารณาได้เสร็จภายใน 1 – 2 ปี” นายสมชาย กล่าว
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news รายงาน