พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจเสนอให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ตำรวจขึ้นอยู่กับท้องถิ่น ติงไปยังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯที่กำกับดูแลตำรวจให้ไปเอาโผการแต่งตั้ง ในยุคท่าน 2 ปีที่ผ่านมาออกมากางดูก่อน ที่จะไปดำเนินคดีกับใคร เพราะมันฟ้องตัวเองว่า ขาดระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล สตช.มีตำแหน่งนายพลมากมาย แต่งานปราบปรามอาชญากรรมกลับมีอัตรากำลังไม่พอ ไม่ว่าจะเป็นป้อมยาม ด่านตรวจหรือสายตรวจ เอาเงินเดือนนายพลหนึ่งคน ไปจ้างระดับนายสิบได้หลายคน ดังนี้……
ผมขอยืนยันว่า การวิ่งเต้นในระบบราชการแบบอุปถัมภ์ค้ำชู มีจริงทุกกระทรวงทบวงกรม จนหลายครั้งเขาพูดกันผลงานหรือจะสู้เป็นคนของใคร
การแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อเอาประวัติการทำงาน การครองยศความรู้ความสามารถ หลักเกณฑ์ต่างๆ หลายอย่างที่สามารถตอบโจทย์ได้ เมื่อคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาก จึงมาดูความอาวุโส หมายถึงประสบการณ์ แต่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯที่กำกับดูแลตำรวจ ท่านอ้างความเหมาะสมบนพื้นฐานของบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งที่มีหลักเกณฑ์ไม่เท่าเทียมกัน นั่นก็ใช่ระบบอุปถัมภ์ค้ำชูแล้ว การที่ผู้บังคับบัญชาอ้างว่าเหมาะสมจะเอาไว้ใช้งานอย่างโน้นอย่างนี้นี่แหละความไม่เป็นธรรม เพราะเหตุที่ท่านรู้ได้ไงว่า ใครทำงานได้ดีกว่ากัน ส่วนที่จะได้รับเงินทอง หรือผลประโยชน์อะไรจากการแต่งตั้งหรือไม่นั้น ไม่ต้องไปพูดถึง มันไม่มีใบเสร็จหรอกท่านช่วยไปเอาโผการแต่งตั้ง ในยุคท่าน 2 ปีที่ผ่านมาออกมากางดูก่อน ที่จะไปดำเนินคดีกับใคร เพราะมันฟ้องตัวเองว่า ขาดระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคล
จากกรมตำรวจมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยสำรวจไหมว่า ประชาชนได้อะไร ชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยดีขึ้นไหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)มีกำลังพล ๒๑๓,๔๕๗ คน มีตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ๑ รองผบ.สตช. ๑๓ ผู้ช่วย ผบ.สตช. ๑๗ ผู้บัญชาการ ๔๕ รองผู้บัญชาการ ๑๔๙ ผู้บังคับการ ๒๔๘ รองผู้บังคับการ ๗๙๑ ผู้กำกับ ๒,๐๓๖ รองผู้กำกับ ๖,๑๘๕ สารวัตร ๑๑,๔๓๔ รองสารวัตร ๑๒,๕๓๘ และชั้นประทวน ๑๘๐,๐๐๐ ตำแหน่ง
ท่านที่สนใจ เปิดกูเกิ้ลดูผังโครงสร้างสิครับ มีทั้งงานที่เกี่ยวกับตำรวจและไม่เกี่ยวข้องอีกมากมาย สายงานบังคับบัญชาเยิ่นเย้อ ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ผู้บัญชาการประจำฯ ตำแหน่งอย่างนี้ ควรมีหรือไม่ พวกผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ จะมีนายเวรและผู้ช่วยนายเวรประจำตัวอีก ๒ คน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ตำแหน่งสารวัตรที่อยู่ตามโรงพักมีรองสารวัตรคนเดียว งานที่โรงพักมากมาย ที่ต้องช่วยเหลือประชาชนแต่กลับมีกำลังน้อย พวกนายเวรเหล่านี้ อยู่ใกล้ผู้ใหญ่ สิ้นปีก็ได้สองขั้น พอนายจะเกษียณก็หาตำแหน่งดีๆ ให้ลง เติบโตกันแบบไม่ได้เคยพบปะประชาชนเลยก็มี
งานตำรวจคืองานที่ดูแลรักษาความสงบจะต้องมีโรงพักมากมายกระจายไปตามพื้นที่ จึงจะสามารถแก้ไขปราบปรามอาชญากรรมได้ ในสมัยก่อนตำรวจเดินตรวจตราท้องที่และมีโรงให้พัก แต่ปัจจุบันตำรวจเปลี่ยนเป็นสถานี เดินตรวจไม่มี มีแต่สายตรวจจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติใหญ่และอุ้ยอายเกินไปแล้ว
ผมเสนอให้ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจอยู่กับท้องถิ่น เพื่อให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
งานตำรวจมันเสร็จแค่โรงพักเท่านั้น ไม่ต้องกลัว เพราะตำรวจคนไหนทำงานดี มีผลงานแต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งปูนบำเหน็จความชอบ ประชาชนในท้องถิ่นเห็น เขาตรวจสอบ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล อบต. ให้เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการตำรวจ(ก.ตร.)กำกับดูแลภายในจังหวัด ให้คุณให้โทษแก่เขา ส่วนที่เกินเหนือจากระดับจังหวัด ยุบทิ้ง เพราะไม่มีประโยชน์ กองบังคับการจังหวัดใหญ่ที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีกองบัญชาการทั้งเก้าภาค มาทับซ้อนอีก มีตำแหน่งนายพลมากมาย แต่งานปราบปรามอาชญากรรมกลับมีอัตรากำลังไม่พอ ไม่ว่าจะเป็นป้อมยาม ด่านตรวจหรือสายตรวจ เอาเงินเดือนนายพลหนึ่งคน ไปจ้างระดับนายสิบได้หลายคน
ในช่วงนี้รัฐบาล คสช.มีนโยบายปราบผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเมื่อเร็วๆ นี้ เข้าค้นจับกุมที่จังหวัดนครปฐม เขาไม่ใช้กำลังตำรวจเลย ทหารดำเนินการเองทั้งสิ้น ตำรวจไม่รู้หรือว่า ใครมีอิทธิพลในทางมิชอบ มันยิ่งสะท้อนภาพองค์กรที่ไม่ตอบสนองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ระบบสากลทั่วโลกไม่ว่าอังกฤษ อเมริกา เขาให้ท้องถิ่นนายกเทศมนตรีรับผิดชอบงานดูแลความสงบเรียบร้อย การรับสมัครบุคคลเข้าเป็นตำรวจส่วนมากจะได้คนในจังหวัดนั้นๆ หรือใกล้เคียงเขาย่อมรู้ดีว่าบ้านไหน ใครเป็นอย่างไร คนแปลกหน้า มาทำอะไรแต่ระบบของเรา ทุกอย่างออกจากส่วนกลาง โยกย้ายกันกว่าจะรู้จักพื้นที่ กว่าจะเข้าใจคน ก็ถูกย้ายไปอีกแล้ว การเข้าใจเข้าถึงพัฒนา ไม่มีทางทำได้ แต่ระบบเรามีตำรวจหลายคนเน่าในจังหวัดหนึ่ง แต่ถูกย้ายไปรุ่งเรืองได้ในอีกจังหวัดหนึ่ง
กระจายตำรวจลงท้องถิ่น ให้เป็นตำรวจของจังหวัดนั้นๆ การโยกย้ายทำกันภายในจังหวัดมีหัวหน้าตำรวจในจังหวัดรับผิดชอบบังคับบัญชา จากนั้นก็มีตำแหน่งผู้กำกับสถานี และสารวัตรแต่ละงาน เช่น ปราบปราม สอบสวน ท่องเที่ยว จราจร(ทางหลวง) และธุรการ คดีทุกอย่างจบที่โรงพัก ไม่ต้องรอสายงานบังคับบัญชาที่ยาวจนมาถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสิ้นเปลื้องกำลังพล สามารถประหยัดกำลังพลได้มากมาย กองบังคับการต่างๆ จนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุบทิ้งและเกลี่ยอัตรากำลังเสียในตอนปฏิรูปเลย จัดสรรงบประมาณความต้องการที่แท้จริงของเขา แต่ละสถานีให้เหมาะสมกับการงานในท้องที่ จังหวัด เมื่อคดีทุกอย่างจบที่โรงพักการแทรกแซงสั่งคดีก็ไม่เกิดขึ้น จะทำก็ทำไม่ได้เพราะประชาชนคอยดูอยู่ และไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะไปบีบคั้นเขาได้ด้วย
เมื่อเกิดปัญหาคดีสำคัญ เช่น ความมั่นคงภายในของรัฐ องค์กรยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลระดับมาเฟียผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ เขามีตำรวจที่ใหญ่กว่าตำรวจท้องถิ่นในอเมริกามี FBI อังกฤษมี Scotland Yard คือ ตำรวจส่วนกลางที่ขึ้นกับรัฐบาล มาช่วยดูแลแก้ปัญหา วันนี้เมืองไทยก็มีแล้วคล้ายๆกันคือ DSI ยุบสตช.เสีย จะได้หยุดเลิกโต้เถียงกัน เรื่องการซื้อขายตำแหน่งจริงหรือไม่
มาดูกันว่าประชาชนจะพึ่งพาได้แค่ไหน มีเรื่องจะโดนรีดไถไหม เรื่องเลวๆ ในวงราชการพูดกันไม่ขาดปากควรต้องปฏิรูปตำรวจเสียก่อนทันที เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news รายงาน