25 กรกฎาคม 2560″บิ๊กป๊อก” ชี้ จนท.ชายแดนส่วนใหญ่ต้องพกอาวุธป้องกันตัว วอนเข้าใจตร. เตรียมสั่งปรับความเข้าใจตามความเป็นจริง ด้าน “ปลัดมหาดไทย” เผย สายตรงเคลียร์”บิ๊กแป๊ะ” เปิดอกลูกผู้ชายพร้อมขอโทษ หากไม่สบายใจ ยัน ไม่กลั่นแกล้ง- ขัดแย้ง สั่ง “พ่อเมืองพัทลุง” คุย “นายตำรวจ” หาทางออกร่วม
แนสหน้า – ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครรักษาดินแดน(อส.) จังหวัดพัทลุง ตั้งด่านจับกุมตำรวจ ยศ ส.ต.ต. ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในข้อหาพกพาอาวุธโดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง 2 หน่วยงานว่า ในการปฏิบัติ ต้องมีความเข้าใจในเรื่องนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ยะลา แล้วมาโดนจับอาวุธ ก็น่าจะมีแนวทางปฏิบัติในพื้นที่ให้ชัดเจน ซึ่งตนจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องของกระทรวงมหาดไทยรับทราบต่อไป
“เรื่องที่เกิดขึ้น คงต้องเข้าใจทางเข้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะกำลังเดินทางกลับมา มีความจำเป็นต้องพกพาอาวุธ ต่อจากนี้ จะให้เจ้าหน้าที่เราพิจารณาตามสภาพความเป็นจริง คงจะไม่ให้มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นอีก เพราะไม่มีประโยชน์ และเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกันในพื้นที่ต้องมีความเข้าใจกัน” รมว.มหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ ส.ต.ต.คนดังกล่าว ได้ถูกดำเนินคดีแล้ว จะมีการสั่งการเพิ่มเติมไปอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงในแง่กฎหมาย คงต้องขอไปดูในรายละเอียด มาพูดตอนนี้ไม่ได้ในความขัดแย้ง แต่จะไม่ให้มีผลกระทบเกิดขึ้นอีก กฎหมายต้องอยู่ด้วยกฎหมาย ตนพูดลึกไปกว่านี้ไม่ได้
“ในด้านความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานชายแดนส่วนใหญ่จะต้องพกพาอาวุธ มันเป็นไปไม่ได้ที่เดินทางกลับเข้ามาแล้วจะไม่มีอาวุธเพื่อป้องกันตัว” รมว.มหาดไทย ระบุ
ด้านนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังทราบข่าว ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแล้ว โดยเป็นความเข้าใจผิดของหน่วยปฏิบัติ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หารือกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง หาทางออก และแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะคดีความ ที่ 2 ฝ่ายทราบข้อเท็จจริงตั้งแต่ต้น เพื่อยุติเรื่องดังกล่าวไม่ให้บานปลาย
“หากเรื่องนี้จะทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้นนั้น ผมในฐานะหัวหน้าต้นสังกัด พร้อมขอโทษ ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือ มีความขัดแย้งกับตำรวจแต่อย่างใด” ปลัดมท. กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับการพกพาอาวุธจะมีระเบียบปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน แต่หากจำเป็นคงต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพราะหน้าที่ของฝ่ายปกครอง คือ การดูแลความสงบเรียบร้อย ดังนั้น จากนี้จะกำชับแนวทางปฏิบัติ ให้เพิ่มการใช้ดุลพินิจ และอาจยืดหยุ่นในบางกรณี แต่จะต้องไม่ให้แนวทางการดูแลความปลอดภัยลดประสิทธิภาพ
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news