#ระทึก..สหรัฐส่งเครื่องบิน.!! ขู่เกาหลีเหนือ

เพจปลอกเปลือกทรราช รายงานสงครามน้ำลาย ใช้ไฟสู้กับไฟ (Fire vs Fire): สหรัฐขู่เกาหลีเหนือว่าอย่าลองของกับทรัมป์นะเฟ้ย! ทรัมป์แยกเขี้ยวขู่คิมน้อยว่าจะเจอทั้งไฟและความบ้าระห่ำแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน คิมน้อยสวนกลับว่าพ่อจะทำให้ฐานทัพของสหรัฐบนเกาะกวมกลายเป็นลุกเป็นไฟด้วยขีปนาวุธ Hwasong-12 อยากดูป๊ะ? ล่าสุดสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ไปบินขู่เกาหลีเหนือแถวคาบสมุทรอีกรอบ

1.) วันที่ 7 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า “หลังการคว่ำบาตรรอบใหม่จากยูเอ็นเกาหลีเหนือขู่กลับว่า: เป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงสำหรับสหรัฐที่คิดว่าตนเองจะปลอดภัย” (‘Big mistake for US to think it’s safe’ – N. Korea hits out after new UN sanctions)
กรุงเปียงยางได้วิจารณ์การแซงชั่นรอบใหม่จากยูเอ็น โดยให้สัญญาว่าจะตอบโต้ด้วย “การกระทำที่ชอบธรรม” พร้อมกับบอกใบ้ด้วยว่าแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงาน
เกาหลีเหนือยังคงเน้นย้ำคำกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ว่า แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือสามารถโจมตีจุดไหนบนแผ่นดินสหรัฐก็ได้
“ไม่มีความผิดพลาดใดๆที่ใหญ่ไปกว่าการที่สหรัฐเชื่อว่าแผ่นดินของตนเองจะปลอดภัยแม้จะอยู่อีกฟากหนึ่งของทวีปก็ตาม” KCNA กล่าว
2.) วันที่ 8 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า “เกาหลีเหนือ ‘อย่าลองดี’ กับทรัมป์นะเฟ้ย – คนใกล้ชิดทำเนียบข่าวขู่” (North Korea ‘Should Not Test’ Trump – White House Aide)

นาย Sebastian Gorka ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวออกมาขู่เกาหลีเหนือว่า เกาหลีเหนือไม่ควรทดสอบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยการข่มขู่ด้วยการกระทำที่ใช้ความรุนแรง [เออ… ตนเองขู่คนอื่นได้ แต่พอถูกขู่กลับ ก็บอกว่าคนอื่นขู่ตนเองด้วยความรุนแรง ไอ้กันเอ๊ยยยย! – ผู้แปล]
“ดังนั้นนี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระ (เรื่องที่สหรัฐทำ?) ไม่มีอะไรมากนอกเสียจากการแบล็กเมล์ และพวกเราก็จะไม่ยอมแพ้ต่อการแบล็กเมล์ และเกาหลีเหนือรวมทั้งผู้นำระบอบสตาลินของเกาหลีเหนือก็ไม่ควรคิดจะลองดีกับประธานาธิบดีด้วย” นาย Gorka โฮ่งผ่านสำนักข่าว Fox News กระบอกเสียงของพรรครีพับลิกันของสหรัฐ
3.) ต่อมานายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐก็พลิกลิ้นอีกรอบว่า “สหรัฐขอเสนอการเจรจาโดยตรงกับเกาหลีเหนือ ถ้าเกาหลีเหนือหยุดดารทดลอง และไม่พูดถึงเรื่องการทดลองนิวเคลียร์อีก”
“การส่งสัญญาณที่ดีที่สุดที่เกาหลีเหนือสามารถทำให้เราได้ก็คือ พวกเขาจะต้องเตรียมการเจรจาเพื่อที่จะหยุดการปล่อยขีปนาวุธเหล่านั้นซะ” นาย Tillerson กล่าวเมื่อวันจันทร์นี้ในที่ประชุม ASEAN ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ รอยเตอร์สรายงาน

[ก่อนเริ่มการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนและประเทศอื่นๆรวม 20 กว่าประเทศ นาย Rex Tillerson รมว.ต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า สหรัฐไม่ได้มองว่าเกาหลีเหนือเป็นศัตรู และต้องการที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็นแถลงอย่างชัดเจนว่า “หมดเวลาการเจรจากับเกาหลีเหนือแล้ว” ต่อมากระทรวงต่างประเทศของสหรัฐก็แถลงว่า แม้ว่านาย Rex Tillerson รมว.ต่างประเทศของสหรัฐจะนั่งอยู่ในห้องประชุมเดียวกันกับรมว.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ก็จะไม่มีการพูดคุยใดๆกันเกิดขึ้น
ฝ่ายญี่ปุ่นก็รีบชะเลียลูกเป๋งของสหรัฐทันทีว่า ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเจรจากัน มันเป็นเวลาที่จะต้องเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือเท่านั้น (แหม… ก็นึกว่าจะบอกว่ามันถึงเวลาที่จะรับประทานนุกอีกครั้งซะอีก) วันนี้รมว.ต่างประเทศของสหรัฐกลับพูดว่า อยากจะเจรจากับเกาหลีเหนือโดยตรง ถ้าเกาหลีเหนือหยุดการทดลองขีปนาวุธและไม่พูดถึงเรื่องการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อีก (ปลอดหละสิ?) – ผู้แปล]
4.) หลังจากส่งพวกลูกกระจ๊อกหลายตัวออกมาโฮ่งๆใส่เกาหลีเหนือหลายคนและหลายรอบ คราวนี้นายทรัมป์ก็ออกโรงเองบ้าง วันที่ 8 ส.ค.60 Sputnik พาดหัวข่าวว่า “ทรัมป์กล่าวว่า: การคุกคามจากเกาหลีเหนือ ‘จะเจอกับไฟและความโกรธเกรี้ยวอย่งบ้าระห่ำ'” (Trump: North Korean Threats ‘Will Be Met With Fire & Fury’) [นั่นไง ใครกันแน่ที่บ้า? – ผู้แปล]
จะดีที่สุด (สำหรับกรุงเปียงยาง) ที่จะไม่ทำการข่มขู่คุกคามใดๆต่อสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลใน Bedminster รัฐ New Jersey เมื่อวันอังคารนี้ (อาการแบบนี้เขาเรีกว่าปากกล้าขาสั่น?) เนื่องจากความพยายามใดๆในการข่มขู่ “จะเจอกับไฟและความบ้าระห่ำ” (fire & fury) แน่ รวมทั้งแสนยานุภาพแบบตรงไปตรงมา อย่างที่โลกนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

[อูยส์…. “กลัวจังเลย” (คิมน้อยไม่ได้กล่าว) อันนี้ไม่เรียกว่า “ข่มขู่” หรือ “คุกคาม” ใช่ไหมครับคุณทรัมป์? – ผู้แปล]
คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ “ได้ข่มขู่เหนือรัฐที่ปรกติรัฐหนึ่ง (a normal state)” ทรัมป์กล่าว (ใช้คำว่า “abnormal state” น่าจะเหมาะสมกว่ามั๊ง?) โดยกล่าวเพิ่มอีกว่า “พวกเขาจะพบกับไฟและความโกธาบ้าระห่ำและอำนาจแบบตรงไปตรงมา เหมือนกับที่โลกนี้ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ขอบคุณครับ” [ดูเหมือนว่าหนึ่งในภารกิจหลักของผู้นำเบอร์หนึ่งของโลกก็คือ “หาเรื่องทะเลาะกับเด็กๆรายวัน” สินะ? – ผู้แปล]
5.) หลังจากทรัมป์ขู่จะเผากรุงเปียงยางและเกาหลีเหนือ (ทางอ้อม) มาดูการตอบโต้จากคิมน้อยบ้าง วันที่ 9 ส.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า “เกาหลีเหนือกำลังวางแผ่นถล่มฐานทัพของสหรัฐบนเกาะกวม (ด้วยขีปนาวุธ Hwasong-12) หลังทรัมป์ขู่กรุงเปียงว่าจะเจอกับไฟและความโกธาบ้าระห่ำ” (N. Korea ponders striking US base in Guam after Trump threatens Pyongyang with ‘fire & fury’)
ส่วน Sputnik พาดหัวข่าวว่า “เกาหลีเหือกำลังพิจารณากำหนดเป้าหมายที่เกาะกวม (หนึ่งในรังใหญ่และคลังเก็บอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ) ด้วย ‘ไฟบรรลัยกัลป์'” (North Korea Considering Targeting Guam with ‘Enveloping Fire’)
กรุงเปียงยางกล่าวว่ากำลังทำงานในการวางแผนเพื่อเปิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยกลางใส่ฐานทัพอากาศของสหรัฐที่เกาะกวม หลังจากทรัมป์ขู่ว่าจะทำให้กรุงเปียงยางลุกเป็นไฟ และสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ไปบินกินลมเหนือคาบสมุทรเกาหลีพร้อมด้วยเครื่องบินรบของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

หลังจากที่ได้ทำการประณามกรณีสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไปบินวนแถวคาบสมุทรเกาหลีว่า “เป็นการซ้อมรบด้วยนิวเคลียร์อย่างเห็นได้ชัด” ซึ่งเป็นการผลักดันให้สถานการณ์ในภูมิภาคนี้ไปถึงจุดสูงสุด โฆษกกองทัพเกาหลีเหนือก็ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธนี้ผ่านสำนักข่าว KCNA ว่า “กรุงเปียงยางกำลังพิจารณาอย่างระมัดระวังถึงแผนปฏิบัติการที่จะทำให้เกิดซุ้มไฟ (ขนาดใหญ่/เพลิงนรก) ในพื้นที่ต่างๆรอบเกาะกวม ด้วยขีปนาวุธ Hwasong-12 พิสัยกลางถึงไกล… รอแค่ท่านผู้นำสูงสุดคิม จอง-อึน ตัดสินใจเท่านั้น”
โฆษกกองทัพเกาหลีเหนือกล่าวอีกว่า “สหรัฐฝันกลางวันชัดๆ ที่ยึดมั่นกับความเชื่อที่วาแผ่นดินใหญ่ของตนเองเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าที่ไม่มีความเสี่ยง” (an invulnerable Heavenly kingdom) และได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติ “การกวนตีนทางทหารที่ขาดการยั้งคิด (reckless military provocations ) ต่อประเทศเกาหลีเหนือทันที” พร้อมกับสัญญาอีกว่า มิฉะนั้นก็จะใช้ตัวเลือกทางทหารโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ฝ่ายเกาหลีเหนือกล่าวอีกว่า “เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ของสหรัฐกวนประสาทของเกาหลีเหนือ รวมทั้งการข่มขู่และการแบล็คเมล์เกาหลีเหนือ โดยส่งมาเยือนน่านฟ้าของเกาหลีใต้บ่อยๆด้วย”
6.) รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดกองบัญชาการกองทัพอากาศของสหรัฐประจำแปซิฟิกได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคารนี้ว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด (นิวเคลียร์) B-1B จำนวนสองลำของสหรัฐได้เข้าร่วมภารกิจกับกองทัพของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นเวลา 10 ชั่วโมง เมื่อวันจันทร์นี้
ต่อมา ผู้บัญชาการกองทัพอากาศประจำแปซิฟิกของสหรัฐได้กล่าวว่า “พร้อมที่จะต่อสู้คืนนี้” (Ready to Fight Tonight) (ที่ถูกควรจะพูดว่าพร้อมที่จะตายคืนนี้มากกว่ามั๊ง? – ผู้แปล)

รายงานข่าวแจ้งว่า สหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B จำนวน 2 ลำ ไปบินโชว์การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศเหนือคาบสมุทรเกาหลีและวิ่งแท็กซี่โชว์อยู่ฐานทัพอากาศ Anderson ของสหรัฐบนเกาะกวม และบินคู่กับเครื่องบินรบ F-15 ของกองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่นและเครื่องบินรบ KF-16 ของเกาหลีใต้
7.) ต่อมามิสเตอร์ทรัมป์ ออกมาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ตอบโต้เกาหลีเหนืออีกว่า “คำสั่งแรกของผมในฐานะประธานาธิบดีก็คือการยกเครื่องและทำให้แสนยานุภาพอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเรามีความทันสมัย ขณะนี้เข้มแข็งและทรงอานุภาพมากกว่าแต่ก่อน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ได้ใช้แสนยานุภาพนี้ แต่จะไม่มีซักครั้งที่พวกเราจะไม่เป็นประเทศที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก!”
[แมงโม้บินว่อน กะอีแค่เจอกับโดรนสอดแนมไม่ติดอาวุธของอิหร่านเหนืออ่าวเปอร์เซีย เครื่องบินรบ F/A-18E ของสหรัฐถึงกลับรีบลงไปจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินจากนั้นก็ส่งเสียงเห่าหอนโวยวายอิหร่านแทนว่าบินไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ ทหารนาวิกโยธินของของสหรัฐถูกทหารอิหร่านจับได้หลายนายโทษฐานละเมิดน่านน้ำของอิหร่่านเมื่อปีที่แล้ว ต่างก็พากันร้องไห้ขี้มูกโป่ง รัฐบาลโอบามาต้องนำเงินสดราว 400 ล้านเหรียญสหรัฐไปมอบให้กับทางการอิหร่านเพื่อแลกกับการปล่อยตัวนาวิกโยธินของสหรัฐ นักการเมืองสหรัฐแถว่า อิหร่านจับตัวนาวิกโยธินสหรัฐเพื่อเรียกค่าไถ่ ขับไปสามโลก – ผู้แปล]
The Eyes