#นรกบนดินที่เวอร์จิเนีย เรียบเรียงลำดับเวลาโดยเพจ The Matter ไว้อย่างน่าสนใจ
สืบเนื่องจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งขวาจัด หรือกลุ่มนิยมผิวขาว กับกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย ก็ออกมาชุมนุมต่อต้านและต่อมาได้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากัน
จนรัฐต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเยื่องจากเกิดเหตุปะทะรุนแรงระหว่าง บนถนนในเมืองชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ของสหรัฐอเมริกา หลังกลุ่มแนวคิดขวาจัดเดินขบวนแสดงความไม่พอใจที่จะมีการรื้ออนุสาวรีย์ของ พล.อ.โรเบิร์ต อี ลี ออกไปจากเมือง โดย พล.อ.ลี ถือเป็นแกนนำของกองกำลังสมาพันธรัฐ หรือรัฐทางใต้ที่สนับสนุนการค้าทาส ซึ่งทำสงครามกับรัฐทางเหนือของสหรัฐฯ ในช่วงสงครามกลางเมือง ระหว่างปี 2404-2408
ซึ่งในระหว่างนั้น มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นพุ่งชนผู้คนที่ต่อต้านการเดินขบวนประท้วงดังกล่าวไม่นาน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสลายการปะทะของทั้ง 2 ฝั่งได้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บเกือบ 30 คน
สรุปเหตุการณ์จากเพจ The Matter ดังนี้
RECAP: สรุปเหตุการณ์ ‘นรกบนดิน’ ที่เวอร์จิเนีย เมื่อกลุ่มชาตินิยม-นาซี-KKK รวมตัวกันเปลี่ยนเมืองเป็นสนามรบ ขับไล่ผู้คิดต่าง
.
ภาพของคนผิวขาวนับร้อยออกมาเดินขบวนกลางดึก ในมือถือคบไฟโบราณ พร้อมกับตะโกนด่าผู้คนทุกกลุ่มที่ไม่เหมือนตัวเองว่า “แกต้องไม่มาแทนที่พวกเรา” (You’ll not replace us) เหตุการณ์เช่นนี้ดูเหมือนฉากในหนังสยองขวัญ ประหนึ่ง American Horror Story แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ
.
ไม่ใช่เพียงแค่ทัศนคติอันแสนน่ากลัว แต่เรื่องราวยังบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องประกาศ ‘สถานการณ์ฉุกเฉิน’ กันเลยทีเดียว บางคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ถึงกับเปรียบเทียบว่านี่มันคือ ‘นรกบนดิน’ กันชัดๆ ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่นั่น เพราะอะไรสถานการณ์ถึงเดือดดาลกัน The MATTER ขอสรุปไล่เรียงเหตุการณ์ดังนี้
.
1. กลางดึกของคืนวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) กลุ่มคนผิวขาวนับร้อยคนเริ่มเดินขบวนกันในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ เพื่อเรียกร้องสิทธิของคนผิวขาว ระหว่างที่เดินขบวนก็ได้ตะโกนสโลแกนของกลุ่มชาตินิยมขวาจัดกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคำที่หลายคนฟังแล้วตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินในสังคมอเมริกันอีกแล้ว เช่น
.
A) “You’ll not replace us” (คำขวัญกลุ่ม White Supremacists)
B) ”White life matters” (คำขวัญของกลุ่ม Ku Klux Klan)
C) “Blood and Soil (คำขวัญของกลุ่มนาซี)
D) “One people, one country, end immigration” (ต่อต้านคนชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกัน)
.
ทั้งหมดนี้ต้องการสื่อสารว่า ประเทศสหรัฐฯ ควรเป็นของคนผิวขาวเท่านั้น คนผิวสีหรือคนอพยพไม่ควรมีสิทธิในแผ่นดินเช่นเดียวกับชาวอเมริกัน
.
2. ขบวนของกลุ่มขวาจัดได้เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย และได้เข้าไปปิดล้อมกลุ่มที่คัดค้านการเหยียดเชื้อชาติที่หน้าอนุสาวรีย์ของอดีตประธานาธิบดี โทมัส เจฟเฟอร์สัน จนแล้วจนรอดก็เกิดความรุนแรงระหว่างกันจนส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นแค่ ‘บทนำ’ ของสถานการณ์อันสุดตึงเครียดเท่านั้น
.
3. วันต่อมา กลุ่มขวาจัดมีนัดรวมตัวกันครั้งใหญ่ในงาน ‘Unite the Right’ (รวมฝ่ายขวาเป็นหนึ่งเดียว) โดยมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปเรียกร้องให้เมืองยุติการโค่นล้มอนุสาวรีย์ของ ‘นายพลลี’ ที่สนับสนุนการค้าทาส ขณะเดียวกัน กลุ่มที่คัดค้านฝ่ายขวาจัดก็มีการรวมตัวเช่นกัน โดยมีรายงานว่า มีทั้งคนที่เรียกตัวเองเป็นฝั่งลิเบอรัล รวมถึงตัวแทนคนผิวสี ผู้อพยพ รวมถึงกลุ่มหลากหลายทางเพศที่เข้าร่วมด้วย
.
4. สถานการณ์เลยกลายเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ รวมคนขวาจัด (คนขาวสุดโต่ง ชาตินิยม นาซี และ KKK) และกลุ่มคัดค้าน (ลิเบอรัล ผิวสี ชาติพันธุ์ LGBTQ) เจ้าหน้าที่ของทางการเห็นท่าไม่ดีเพราะคิดว่าต้องเดือดใส่กันแน่ๆ จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (State of emergency) เพื่อไม่ให้บานปลาย แต่ก็ควบคุมไม่ไหว
.
5. เกิดการเดินหน้าใช้ความรุนแรงเข้าใส่กันอย่างดุเดือดเป็นชั่วโมงๆ พื้นที่ในเมืองกลายสภาพเป็นสนามรบ ไม่เพียงแค่ชกต่อยกันแบบแลกหมัด ยังรวมไปถึงเอาธงมาทิ่มแทงกัน ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่กัน เอาโล่ห์ (ที่ไม่รู้หามาจากไหน) มาปาใส่กัน ของใช้ใกล้ตัวถูกแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธที่พร้อมทำร้ายฝั่งตรงข้าม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก๊สน้ำตาเข้าสกัดด้วย และจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายคน
.
6. เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดได้เกิดขึ้น มีผู้ขับรถพุ่งเข้าชนคนที่คัดค้านกลุ่มขวาจัดอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหนักหลายราย รวมถึงมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ ภาพความรุนแรงเช่นนี้ถือเป็นเหตุการณ์ในประเทศที่หนักหนามากที่สุด นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่ง
.
7. ทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่มีข้อสังเกตว่า ข้อความของทรัมป์หลีกเลี่ยงที่จะเมนชั่นถึงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่พูดในภาพรวมๆ แทนว่าการกระทำที่สื่อถึงความเกลียดชังเช่นนี้ควรยุติลงทันที
.
8. ด้านผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ได้ออกมาประณามกลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่ออกมาสร้างความวุ่นวาย พร้อมไล่ให้คนกลุ่มนี้กลับบ้านไปซะ “น่าละอาย พวกคุณอ้างว่ารักชาติบ้านเมืองแต่คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ถ้าจะพูดถึงความรักชาติ ก็พูดถึงโทมัส เจฟเฟอร์สัน และจอร์จ วอชิงตัน ที่เคยรวมคนทั้งเข้าไว้ด้วยกัน…สิ่งที่ผมกำลังจะพูดนี้ชัดเจนมากว่า พวกเราแข็งแกร่งกว่าพวกคุณ”
.
9. คำถามคือสาเหตุของความรุนแรงครั้งนี้คืออะไร เพราะนี่ไม่ใช่ภาพที่เห็นได้ง่ายๆ ในสหรัฐฯ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมายาวนาน
.
10. หลายคนมองว่า ชนวนของความรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากมติของสภาเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ ที่เตรียมจะโค่นอนุสาวรีย์ของ ‘นายพลลี’ ผู้เคยเป็นฝ่ายสนับสนุนการค้าขายทาสในยุคสงครามกลางเมือง จึงทำให้คนกลุ่มขวาจัดเกิดความโกรธแค้น และต้องการระบายออกมา (แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีผู้วิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะคิดเห็นต่างอย่างไร ก็ไม่มีสิทธิที่จะใช้ความรุนแรงใส่กันอยู่ดี)
.
11. ปฏิเสธได้ยาก ความรุนแรงครั้งนี้สะท้อนได้ว่า สังคมอเมริกันยังคงมีความขัดแย้งที่ร้าวลึก แนวคิดชาตินิยมแบบสุดโต่ง กลุ่ม KKK ตลอดจนการเหยียดสีผิวไม่เคยหมดไปจากสังคม เพียงแต่ความคิดเหล่านี้ถูกปัดซ่อนไว้อยู่ที่ใต้พรมเท่านั้น เมื่อกระแสขวาจัดในทั่วโลกได้หวนกลับมา (อาจรวมถึงชัยชนะของทรัมป์) ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่เปิดทางให้คนกลุ่มเหล่านี้พร้อมใจออกมาแสดงตัวอีกครั้ง
.
อ้างอิงจาก
เหตุการณ์เดินขบวนคบไฟกลางดึกคืนวันศุกร์ได้ที่
https://youtu.be/ZN7vm9mIPBs
ความโกลาหลในวันต่อมา (คำเตือนมีภาพที่รุนแรง)
http://thehill.com/blogs/ballot-box/346285-far-right-protesters-gather-at-university-of-virginia-ahead-of-saturday
https://www.theguardian.com/world/2017/aug/12/charlottesville-far-right-crowd-with-torches-encircles-counter-protest-group
http://edition.cnn.com/2017/08/12/us/charlottesville-white-nationalists-rally/index.html
http://www.bbc.com/news/world-us-canada-40914643
https://www.vox.com/2017/8/12/16138246/charlottesville-nazi-rally-right-uva
ของคุณข้อมูลจาก The Matter
https://www.facebook.com/thematterco/posts/1923780607837332