12 ก.ค.2560 สุนทร รักษ์รงค์ แกนนำชาวสวนยาง เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ ร้องเรียน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อปฏิรูปการยางไทย
หากท่านนายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางมีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์ชาคิ ผมขอเสนอความเห็นต่อรัฐบาลให้ทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อปฏิรูปการยางไทยดังต่อไปนี้
1.ยุทธศาสตร์การใช้ยางในประเทศ
ให้รัฐบาลและคสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อลดอุปสรรคทางกฎหมาย ในการบังคับใช้นโยบายการใช้ยางในประเทศ โดยมีเป้าหมาย 50 % ภายใน 5 ปี ซึ่ง 2 ปีแรก ให้มีการใช้ยางในประเทศไม่น้อยกว่า 25 % โดยมุ่งเน้นไปที่การทำถนนลาดยาง การทำอ่างเก็บน้ำ สนามกีฬา และอื่นๆ ที่มีการใช้ยางในปริมาณมาก
2.ยุทธศาสตร์ด้านการตลาด
ให้ กยท.ตั้งบริษัทค้ายางเพื่อการส่งออก ภายใน 2 ปี โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สร้างตลาดภายในเพื่อรวบรวมยาง และรัฐบาลไทยต้องกำหนดนโยบายเป็นผู้นำของโลกด้านตลาดยางพารา
3.ยุทธศาสตร์การแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่า
ให้ กยท.ตั้งบริษัทมหาชนเพื่อการแปรรูปยาง ภายใน 3 ปี พร้อมส่งเสริมและพัฒนาให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแปรรูปยางเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยมีบริษัทมหาชนของ กยท.เป็นพี่เลี้ยงทางการตลาดจนเข้มแข็งและมีธรรมาภิบาล ภายใน 5 ปี
4.ยุทธศาสตร์ว่าด้วยคุณภาพชีวิตเกษตรกรชาวสวนยาง
ให้ กยท.ทำตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 เรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งในเรื่องการจัดสวัสดิการ การจดทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ การสร้างกระบวนมีส่วนร่วมของเกษตรกรชาวสวนยาง และการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ซึ่งในเรื่องนี้ กยท.ต้องทำทันทีด้วยความจริงใจและตั้งใจ
เพราะที่ผ่านมา กยท.กระทำการรวบอำนาจและไม่ได้มีความจริงใจที่จะสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรชาวสวนยางอย่างแท้จริง
5.ยุทธศาสตร์การทำสวนยางอย่างยั่งยืน
เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คือการทำสวนยางอย่างยั่งยืน โดยเปลี่ยนสวนยางเชิงเดี่ยวให้เป็นป่ายาง หรือป่าเศรษฐกิจลักษณะวนเกษตร หรือตามแนวทางธนาคารต้นไม้ ภายใน 10 ปี โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางที่จะใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ คือให้มีต้นยางได้ไม่เกิน 59 ต้นต่อไร่(ปกติ การปลูกยาง 3×7 = 76 ต้นต่อไร่) และต้องปลูกต้นไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 40 ต้นต่อไร่ จะทำให้จำนวนต้นยางในพื้นที่ป่า 15 ล้านไร่ลดลงไม่น้อยกว่า 20 % เสมือนพื้นที่ปลูกยางในเขตป่าลดลง 3 ล้านไร่ และรัฐบาลต้องส่งเสริมและสนับสนุนการทำอาชีพเสริมในสวนยางลักษณะเกษตรผสมผสานและการปลูกพืชร่วมยาง ตามหลักปรัชญาเศรษกิจพอเพียง
6.ยุทธศาสตร์แนวร่วม
สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นภาคประชาชน ถ้าหากรัฐบาลทำได้ตามนี้ผมเชื่อว่าว่าราคายางจะเสถียรภาพที่กิโลกรัมละ 70-90 บาท ภายใน 2 ปี ครับข้อเสนอนี้เป็นความเห็นส่วนตัวในฐานะเกษตรกรชาวสวนยางชายขอบครับ
ก่อนหน้านี้ นายสุนทร ยังได้ “ตะเพิด”บิ๊กตู่” ลาออก ปมยางตกต่ำระบุว่า
“แกนนำสวนยาง” ไล่ “บิ๊กตู่” ลาออก หากราคายางยังไม่ดีขึ้น เตือนทนไม่ไหวลุกฮือทั้งประเทศ จวก “เกษตรฯ-กยท.” ไร้ฝีมือ-ไม่เป็นมืออาชีพ จ่อเปิดเวทีสุราษฎร์ฯ 22 ก.ค.นี้
ขอท้าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งปิดกรีดยาง 3 ล้านไร่ที่ปลูกในพื้นที่ป่า แต่ถ้าราคายางยังไม่ขึ้นนายกฯต้องรับผิดชอบโดยการลาออกเพราะนายกฯบอกว่าเป็นเพราะยาง 3 ล้านไร่ ทำให้ราคาตกและถ้าชาวสวนยางเคลื่อนไหวจะสั่งปิด
ดังนั้นถ้าจะพิสูจน์ตรรกะที่นายกฯฟังมาว่าผิดหรือถูกต้องแลกกับความรับผิดชอบ ซึ่งวันนี้ราคายางก็ร่วงทุกวัน เกษตรกรอยากจะผูกคอตายยังต้องมาฟังนายกฯพูดแบบผิดๆ ยิ่งหงุดหงิด
เพราะยาง 3 ล้านไร่เป็นของเดิมตั้งแต่ปี 57 ไม่เกี่ยวกับผลผลิตที่ปัจจุบัน“แต่เกี่ยวกับความสามารถคนของนายกฯ ที่ไม่มีความสามารถ ถ้าทำไม่ได้ควรให้ออกไป เร่งหามืออาชีพมาแก้ปัญหาแทน ก่อนที่เกษตรกรสวนยาง ทนไม่ไหวลุกฮือทั้งประเทศ จะเข้าทางฝ่ายตรงข้ามออกมาผสมโรงร่วมด้วย วันนั้นจากพระเอกกลายเป็นผู้ร้าย คืนความสุขกลายเป็นคืนความทุกข์ ผมตือนครั้สุดท้ายด้วยความหวังดี
โดยในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ทางเครือข่ายสวนยางทั่วประเทศ จะเปิดเวทีที่จ.สุราษฐ์ธานี เพื่อกำหนดมาตรการท่าทีของชาวสวนยาง และผมขอเสนอว่ารัฐบาลต้องตั้งวอร์รูม เอามืออาชีพมาทำ
เพราะที่ผ่านก็พิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ และการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ไร้ฝีมือ รวมทั้งข้อเสนอเกษตรกร เรียกร้องให้นายกฯออกมาตรา 44 ปลดล็อกระเบียบจัดซื้อจัดจ้างให้หน่วยราชการใช้ยางในประเทศ ไม่เคยได้รับการตอบสนอง ไม่เคยรับฟังเสียงคนจน” นายสุนทร กล่าว.
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news รายงาน