นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค. มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนฯ 14.2 ล้านคนแล้ว
โดยมีการกลั่นกรองถึง 2 ชั้น ทั้งการตรวจสอบผ่านบัญชีธนาคาร กระทรวงมหาดไทย รวมถึงให้นักศึกษาลงพื้นที่ไปสำรวจเก็บข้อมูล ซึ่งพบว่ามีผู้ถูกตัดสิทธิไป 2.6 ล้านคน เพราะมีรายได้และทรัพย์สินเกิน 1 แสนบาท ทำให้เหลือจำนวนผู้ผ่านหลักเกณฑ์ 11.6 ล้านคน
“ในการตรวจสอบคุณสมบัติจะทำอย่างละเอียด เพราะในการลงทะเบียนมีจำนวนมาก และยังพบคนจบปริญญาเอกมาลงทะเบียนถึง 600 คน และจบปริญญาโทลงทะเบียน 6,000 คน ซึ่งต้องเข้าไปดูว่าคนที่เรียนจบสูงแบบนี้ทำไมถึงมาลงทะเบียน หากพบว่าเป็นคนเก่งและมีความสามารถอาจชวนเข้ามาทำงานที่ สศค.”
สำหรับการแจกสวัสดิการระยะสอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการได้ต้นปีหน้า โดยมีเรื่องการเติมเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ในรูปแบบเงินคืนภาษีคนจน หรือเนกาทีฟ อินคัม แท็กซ์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รมว.คลัง โดยดูว่าจะมีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไรที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชีครัวเรือน หรือการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเดิมให้กรมสรรพากรตรวจสอบให้ แต่เนื่องจากกรมสรรพากรมีภาระเยอะ จึงเปลี่ยนไปประสานกับธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติบัญชีครัวเรือนว่าจะแทน
อย่างไรก็ตาม การให้เงิน คงไม่สามารถให้ทุกคนได้จนมีรายได้ครบ 30,000 บาทต่อปี เนื่องจากมีคนกลุ่มนี้อยู่จำนวนมากถึง 7-8 ล้านคน ที่สำคัญในจำนวนนี้มีประมาณ 3 ล้านคนที่ไม่มีรายได้เลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเติมเงินให้ครบทั้งหมด แต่จะให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยมีเงื่อนไขในการเข้ามาพัฒนาอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ขณะที่คนที่มีความยากจนซ้ำซ้อน 4,000 คนก็อาจไปหาทางช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ เช่น ไปลดหนี้นอกระบบให้
สำนักข่าววิหคนิวส์