ข่าวประจำวัน » ​#เพื่อไทย เบรก..!! นายกฯใช้ม.44 ฟุ่มเฟือยไม่ควรใช้ทับ พ.ร.ก.ต่างด้าว

​#เพื่อไทย เบรก..!! นายกฯใช้ม.44 ฟุ่มเฟือยไม่ควรใช้ทับ พ.ร.ก.ต่างด้าว

7 July 2017
556   0

        สยามรัฐ -วันที่ 7 ก.ค. 60 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันนายกรัฐมนตรีหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าใช้ มาตรา 44 อย่างฟุ่มเฟือย เพราะหลังจากในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย กฎหมายรัฐธรรมนูญและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ไม่ควรใช้ มาตรา44 อย่างฟุ่มเฟือยดังกล่าว นอกจากนี้ยังถูกวิจารณ์ว่าใช้มติคณะรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์เอกชนบางกลุ่มด้วย
นายชวลิต กล่าวว่า การใช้ มาตรา44 หลายกรณีสุ่มเสี่ยงกระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศ บางกรณีสุ่มเสี่ยงหมิ่นเหม่ว่าสมควรหรือไม่ และทุกกรณีกระทบ หลักนิติธรรมทั้งสิ้น เช่น
1.พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 เป็นกฎหมายที่ได้เสนอรัชกาลที่10 ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ใช้ไปเพียงไม่กี่วัน นายกฯก็ใช้ มาตรา44 แก้ไข จึงมีข้อสังเกตว่า รัฐบาลรอบคอบหรือไม่ และสมควรหรือไม่ในการใช้ มาตรา44 ไปทับพ.ร.ก.ดังกล่าว ทำไมไม่แก้ด้วย พ.ร.ก.
2. การใช้ มาตรา44 กับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน มีข้อสังเกตว่าการดำเนินการดังกล่าว กระทบความเชื่อมั่นต่อนานาชาติทั่วโลก ที่มีเทคโนโลยีด้านนี้ เพราะเท่ากับตัดโอกาสการร่วมแข่งขัน ถูกวิพากษ์ว่า ไร้ธรรมาภิบาลเสียเอง ขาดความโปร่งใส
3. การใช้มาตรา44 ในกระบวนการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แม้ไม่ได้ใช้ มาตรา44 ยึดทรัพย์โดยตรง แต่ก็อยู่ในกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่ง การยึดทรัพย์ นับเป็นการทำลาย หลักนิติธรรมของประเทศอย่างยับเยิน และอาจถูกวิพากษ์ได้ว่าเป็นการชี้นำไปยังคดีอาญาหรือไม่เพราะกระบวนการยึดทรัพย์แทนที่จะเกิดภายหลังการพิจารณาคดีอาญา แต่กลับเกิดขึ้นก่อนมีคำพิพากษาในคดีอาญา

และ
4. การมีมติครม.ยกเว้นไม่ต้องมีการประกวดราคาโครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร กำลังถูกวิจารณ์อย่างมากว่า การที่ไม่เปิดประมูล เพื่อเอื้อเอกชนบางรายหรือไม่ และจากการตรวจสอบของสื่อมวลชน มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปตามที่มีการวิพากษ์อย่างกว้างขวาง เพราะมีโครงการใหญ่ของเอกชนอยู่ข้างเคียงพื้นที่หอชมเมือง ทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมานั้นล้วนกระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศทั้งสิ้น และความเชื่อมั่นนับเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังฝืดเคืองอย่างมากอยู่ในขณะนี้

ขอสะท้อนปัญหาดังกล่าวมาเป็นข้อสังเกตด้วยความสุจริตใจที่ต้องการเห็นประเทศของเราได้รับความเชื่อมั่น ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ตนเห็นว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ที่เร็วที่สุดก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ จากนี้ไปไม่ควรจะมีการใช้ มาตรา44 อย่างฟุ่มเฟือยอีกแล้ว ควรสร้างความเชื่อมั่นด้วยการส่งสัญญาณบวกทางการเมืองว่าบ้านเมืองนี้ กำลังจะเป็นประชาธิปไตยแล้ว ความเชื่อมั่นจะค่อย ๆ กลับคืนมา แต่ถ้าเวลา 3 ปีของการบริหารผ่านมาแล้วก็ดี และกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐยังไม่ส่งสัญญาณให้ภาคส่วนต่าง ๆ เตรียมตัวให้สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เหมือนกับการปิดประตูตีแมว เอาเปรียบทุกอย่าง ทั้งกฎกติกา ทั้งการดำเนินการโดยอำนาจพิเศษ ความเชื่อมั่นก็จะหดหาย ถ้าถึงขั้นล้มละลาย การแก้เศรษฐกิจก็จะล้มเหลว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ทางแก้ต้องส่งสัญญาณบวก เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นดังกล่าวข้างต้น จึงจะเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ นายชวลิต กล่าว.

    

          

     

ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news รายงาน