24 กรกฎาคม 2560 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลา 10.30 น.ตนจะเดินทางไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. …. ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โหวตผ่านวาระ 3 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากศึกษาแล้วพบว่ามีประเด็นเข้าข่ายขัดแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่
แนวหน้า – ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยกตัวอย่างในมาตรา 3 ได้บัญญัติให้ยกเลิกกฎหมายเดิม 2 ฉบับ คือ1.พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 และ 2.พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 พ.ศ.2550 การยกเลิกกฎหมายเดิมทั้ง 2 ฉบับ เป็นเหตุให้ตนต้องย้อนไปดูกฎหมายเดิมว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง และก็ได้พบว่า มาตรา 13 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ที่ สนช.แก้ไขเมื่อปี 2550 เป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ ทั้งเรื่ององค์คณะผู้พิพากษา
นอกจากนี้ ตนยังสงสัยกระบวนการตรากฎหมายดังกล่าวเมื่อปี 50 ด้วยว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นอีกฉบับหนึ่งที่ตราโดย สนช.ที่องค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งด้วยหรือไม่ ดังนั้น ตนจึงต้องส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป เพราะถูกนำมาใช้ในการพิจารณาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
“ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่พบเรื่องอย่างนี้ เพราะสิ่งที่พบเท่ากับว่า ในศาลฎีกาอาจมีการใช้บทบัญญัติของกฎหมายที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด และมิหนำซ้ำยังอาจมีการใช้กฎหมายที่ตราโดยไม่ชอบรัฐธรรมนูญอยู่อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานร่วม 10 ปีแล้ว แต่เพื่อให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐอย่างถูกต้อง ก็ต้องใช้ช่องทางส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้บทบัญญัติของกฎหมายหรือกฎหมายดังกล่าวสิ้นผลไปโดยเร็ว” นายเรืองไกร กล่าว
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news