ศาลอุทธรณ์ฮ่องกงมีคำพิพากษาจำคุก 3 แกนนำนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ฐานร่วมชุมนุมโดยผิดกฎหมาย
18 สิงหาคม 2560 BBC รายงานว่า นายโจชัว หว่อง วัย 20 ปี นายอเล็กซ์ ชอว์ วัย 26 ปี และนายนาธาน ลอว์ วัย 24 ปี ถูกจำคุกคนละ 6,7 และ 8 เดือนตามลำดับ จากความผิดฐานร่วมชุมนุมประท้วงที่เป็นต้นเหตุนำไปสู่การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ของชาวฮ่องกง เพื่อเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งผู้ว่าการของตนเอง หรือที่เรียกกันว่า “การปฏิวัติร่ม” เมื่อปี 2557
ทั้งนี้ นายโจชัว หว่อง กับเพื่อนแกนนำนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย สองคนได้ปีนรั้วข้ามเข้าไปในบริเวณที่ทำการรัฐบาลฮ่องกงเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2557 พวกเขาถูกจับกุม ซึ่งทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยตามมา โดยในการประท้วงมีการยึดพื้นที่ในเมืองนานกว่าสองเดือน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ารื้อพื้นที่ที่ผู้ชุมนุมเข้ายึด ในขณะที่รัฐบาลจีนเองไม่ยินยอมตามข้อเรียกร้องใด ๆ ของฝ่ายผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้เรียกร้องให้จีนยอมให้ฮ่องกงจัดการเลือกตั้งผู้นำได้อย่างเสรี ก่อนหน้านั้นหลายคนในฮ่องกงมีความรู้สึกว่า ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงที่เลือกโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจำนวน 1,200 คนนั้นมีแนวคิดโน้มเอียงเข้าข้างจีน และเห็นว่าควรจะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงมากกว่า
นายหว่องได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการประชาธิปไตยของฮ่องกงที่ส่วนใหญ่ได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มคนหนุ่มสาว
เมื่อปีที่แล้วนายหว่อง ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานร่วมชุมนุมโดยผิดกฎหมาย แต่ถูกลงโทษให้ทำงานบริการรับใช้สังคมแทน อย่างไรก็ดี รัฐบาลฮ่องกงได้ยื่นอุทธรณ์เพราะเห็นว่าเป็นโทษที่เบาเกินไป
การลงโทษจำคุกในครั้งนี้ยังมีผลให้นายหว่องและเพื่อนแกนนำนักศึกษาอีกสองคนไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ภายในอีก 5 ปี ข้างหน้า
ขังตัวได้ แต่ขังหัวใจไม่ได้
ทันทีหลังรับทราบคำพิพากษานายหว่อง ได้เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์หลายข้อความรวมทั้งข้อความที่มีเนื้อหาชี้ว่าการคุมขังเขาจะไม่มีทางทำลายความต้องการที่จะมีสิทธิเลือกตั้งของฮ่องกง “เราแข็งแก่งกว่าเดิม แน่วแน่กว่าเดิม และเราจะได้ชัยชนะ”
“พวกเขาสามารถปิดกั้นการประท้วง ไม่ให้เราเข้าร่วมสภานิติบัญญัติ และคุมขังเราได้ แต่พวกเขาจะไม่มีทางเอาชนะหัวใจและความคิดของชาวฮ่องกงได้” “ท่านสามารถคุมขังตัวเราได้ แต่ไม่อาจขังใจเราได้! เราต้องการประชาธิปไตยในฮ่องกง และเราจะไม่ยอมแพ้” นายหว่องระบุทางทวิตเตอร์
สำนักข่าววิหคนิวส์