24 ก.ค.60 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่ามีประชาชนจากทั่วประเทศสนใจและห่วงใย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพร้อมเดินทางไปให้กำลังใจที่ศาล ในวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งศาลจะพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีกระบวนการจัดตั้งมวลชน ไม่มีการจ้างวานเพื่อระดมพลไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจอย่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะต้องตระหนักและเข้าใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากประชาชน ตลอดเวลาที่ทำหน้าที่คะแนนเสียงไม่ได้ลดลงเลย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประชาชนจะรักและศรัทธา เชื่อว่าประชาชนจะมาให้กำลังใจด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ รู้ตัวว่าสามารถแสดงออกได้มากน้อยเพียงใด ไม่มีเจตนาสร้างความวุ่นวาย หรือต้องการให้สถานการณ์บานปลาย
“ผมเองก็ตั้งใจจะไปให้กำลังใจ แต่การสกัด ขัดขวาง กดดันเพื่อไม่ให้คนมา ตรงนี้ผมไม่มั่นใจว่า จะส่งผลดีต่อสถานการณ์ในภาพรวม เพราะเรื่องนี้คนทั้งโลกจับตามองดูอยู่ ยิ่งมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ไปกดดัน ก็อาจถูกมองว่า มีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า ผมว่าทุกอย่างควรเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะประชาชนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบตัวเองอยู่แล้ว และการออกมาของประชาชน ก็ไม่สามารถกดดันรัฐบาลได้ เช่นจะเห็นว่า คดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการเร่งรัดคดี มีการใช้มาตรา 44 ชี้ว่า รัฐบาลไม่ได้กังวลกับมุมมองของประชาชนเลย เสียงทักท้วงต่างๆไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติของผู้มีอำนาจ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ประชาชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นเป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่บริสุทธิ์ ไม่มีเกมใต้ดินหรือต้องการให้เกิดการลุกฮือทางการเมือง และหน่วยความมั่นคงที่ลงพื้นที่ตรวจสอบต่างก็รู้ว่า ไม่มีการจัดตั้งเพื่อสร้างสถานการณ์ แต่การสกัดกั้นโดยรัฐนั้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากความกลัวของผู้มีอำนาจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองของโลก ไม่ใช่แค่ของไทย จึงไม่ใช่เรื่องผิดที่ประชาชนจะมีสิทธิ์ทั้งการให้กำลังใจอยู่ที่บ้าน หรือเดินทางออกจากบ้านมาให้กำลังใจที่ศาล เพราะเมื่อต่างคนต่างมาด้วยใจบริสุทธิ์แล้ว ทุกคนจะรับผิดชอบตัวเอง จะทำอะไรให้ลุกลามบานปลาย จนเกิดสถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา
ทีมข่าว สำนักข่าว vihok news