ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » ​#BBCแฉ!!ทักษิณรวยขั้นมหาเศรษฐีเงินเอามาจากไหน?

​#BBCแฉ!!ทักษิณรวยขั้นมหาเศรษฐีเงินเอามาจากไหน?

28 July 2017
1498   0

                     28 กรกฎาคม 2560 26 ก.ค. วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 68 ปี ของ ทักษิณ ชินวัตร บุรุษผู้เป็นใจกลางของความขัดแย้งทางการเมืองไทยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความมั่งคั่ง ของเขาดูเป็นเป้าล่อ และเหยื่อ ให้ศัตรูทางการเมืองใช้จัดการ และ สกัดกั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา นับแต่ถูกรัฐประหารในปี 2549 จนถึงปัจจุบัน การยึดทรัพย์สิน คือ เครื่องมือสำคัญ นับตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 เผชิญตั้งแต่หลังการลี้ภัยในต่างแดน ตั้งแต่ปี 2551

BBC – เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ประเมินเรียกเก็บภาษีย้อนหลังนายทักษิณ จากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ เมื่อ 11 ปีก่อน เป็นเงินสูงถึง 17,629 ล้านบาท ทั้งที่กรณีนี้ยังมีข้อถกเถียงทางกฎหมายว่าหมดอายุความไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากกรมสรรพากรไม่เคยเรียกนายทักษิณมาพบ แต่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯด้านกฎหมาย ซึ่งได้รับฉายาจากสื่อมวลชนทำเนียบฯว่า “เนติบริกร” ก็สามารถหาช่องทางระดับอภินิหารจนสามารถเรียกภาษีย้อนหลังจากนายทักษิณได้สำเร็จ
ไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ แนวหน้า และอีกหลายฉบับ รายงานตรงกันว่า นายทักษิณยังหลงเหลือทรัพย์สินให้อายัดจากคดีภาษีหุ้นชินฯ รวมเป็นเงินเพียงหลักล้านบาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเป็น “ทรัพย์สินที่อดีตนายกฯหลงลืมใส่ไว้ในชื่อของตัวเอง
คำถามก็คือ แล้วทรัพย์สินของนายทักษิณ ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐฯ ประเมินไว้เมื่อ 25 ก.ค. ศกนี้ ว่าอยู่ที่ 1.72 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.76 หมื่นล้านบาท (1 เหรียญสหรัฐฯ = 33.5 บาท) อยู่ที่ไหนบ้าง
ความมั่งคั่งของทักษิณ

นายทักษิณ สร้างความมั่งคั่งจากการประกอบธุรกิจโทรคมนาคม และสร้างอำนาจทางการเมืองจากนโยบายประชานิยม ที่ทำให้ชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลาย ทั้งในปี 2544 และปี 2549
ในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2550 เขาระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งเงินฝาก ที่ดิน บ้าน หุ้น ฯลฯ รวมกันทั้งสิ้นเพียง 614 ล้านบาท ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คู่สมรส มีทรัพย์สินรวมกัน 8,484 ล้านบาท
ทว่า นับแต่ลี้ภัยในต่างแดน ก็ไม่เคยปรากฎข้อมูลทรัพย์สินของนายทักษิณในลักษณะ “ทางการ” อีกเลย ปรากฎเพียงข้อมูลจากที่สื่อต่างๆ รายงาน รวมถึงคำให้สัมภาษณ์เป็นครั้งคราวของอดีตนายกฯ รายนี้

นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์ นสพ.เดอะ ไทมส์ของอังกฤษ เมื่อปี 2552 ว่ามีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศไทยราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3,350 ล้านบาท) ไม่รวมถึงเงินที่นำไปลงทุนในเหมืองทอง เหมือนเพชร รวมถึงการออกล็อตเตอรี่ในหลายๆ ประเทศ

เดอะการ์เดี้ยนรายงานเมื่อแปดปีที่แล้วว่า เขาได้กำไรจากการขายหุ้นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของอังกฤษ ให้กับกลุ่มทุนอาบูดาบี ได้ 20 ล้านปอนด์ (ราว 880 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ปอนด์ = 44 บาทไทย)
ทรัพย์สินของทักษิณในต่างแดน (จากการเปิดเผยของเขา)

รายการ มูลค่า

เงินสด 3,350 ล้านบาท

บ้านพักในกรุงลอนดอน อังกฤษ 264 ล้านบาท

วิลล่าในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ปรากฎข้อมูล

เครื่องบินส่วนตัว Bombardier Global Express XRS 1,524 ล้านบาท

รถยนต์ส่วนตัว Lexus รุ่น LS 600h L 14 ล้านบาท

รถยนต์ส่วนตัว Jaguar ไม่ปรากฎข้อมูล

เงินลงทุนในเหมืองทอง ยูกันดา ไม่ปรากฎข้อมูล

เงินลงทุนในเหมืองถ่านหิน แอฟริกาใต้ ไม่ปรากฎข้อมูล

เงินลงทุนในเหมืองแพลตินั่ม ซิมบับเว ไม่ปรากฎข้อมูล

ทั้งนี้ นายทักษิณมีบ้านพักใน 3 ประเทศ ซึ่งใช้ปักหลักตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คือ บ้านในกรุงลอนดอนของอังกฤษ มูลค่า 264 ล้านบาท, วิลล่าหรูหราในย่านเอมิเรตส์ฮิลส์ของนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ไปจนถึงคฤหาสน์ติดสนามกอล์ฟในกรุงปักกิ่งของจีน แต่รายการหลัง เจ้าตัวเคยปฏิเสธผ่านหนังสือ Conversations with Thaksin ของ Tom Plate ว่า “เป็นของเพื่อน”
ในหนังสือ ทักษิณ ARE YOU OK? ของ ร.ท.หญิง สุณิศา เลิศภควัต ยังระบุว่า นายทักษิณมีเครื่องบินส่วนตัว Bombardier Global Express XRS มูลค่า 45.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1,524 ล้านบาท) นอกจากนี้ สื่อต่างชาติที่เคยไปเยือน “บ้านดูไบ” ของเขา ก็มักจะกล่าวถึงรถยนต์หรู 2 คัน ได้แก่ Lexus รุ่น LS 600h L ซึ่งราคาในท้องตลาดขณะนั้นอยู่ที่ราว 14 ล้านบาท และ Jaguar สีดำ
เมื่อตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ล่าสุด นายทักษิณก็ยังถืออยู่ใน 5 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทเป็นธุรกิจของครอบครัวทั้งหมด ได้แก่ บจ. ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ บจ. บี.พี. พร็อพเพอร์ตี้ บจ. เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า บจ. โอเอไอ ลีสซิ่ง และ บจ. โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ โดยมีมูลค่าหุ้นมีตั้งแต่ 100 บาท – 490,000 บาท

แต่ต่อให้รวมทรัพย์สินทุกรายการทั้งหมดข้างต้น ก็ยังห่างไกลกับที่ฟอร์บส์ประเมินไว้อยู่ดี แล้วทรัพย์สินของนายทักษิณที่เหลือไปอยู่ ณ ที่ใดกันแน่ ?
แล้วทรัพย์สินอยู่ที่ใด
ที่ผ่านมา นายทักษิณมักถูกกล่าวหาว่า ฝากทรัพย์สินบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นในบริษัทต่างๆ ไว้กับ “นอมินี” ไม่ว่าจะกับคนใช้ คนขับรถ คนสวน ไปจนถึงคนในครอบครัวชินวัตรเอง จนเกิดเป็นคดีซุกหุ้นถึง 2 ครั้ง (ปี 2544 และปี 2550-2553)
โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เคยมีคำพิพากษาไว้ในปี 2553 ว่า อดีตนายกฯรายนี้ มีทรัพย์สินทั้งที่ถือไว้เองและถือผ่านนอมินีรวมกันถึง 76,621 ล้านบาท แต่เนื่องจากทรัพย์สิน 46,373 ล้าน ได้เพิ่มขึ้นในระหว่างที่เจ้าตัวดำรงตำแหน่งนายกฯ ระหว่างปี 2544 – 2549 ซึ่งเชื่อว่ามีการออกนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง “จึงพิพากษาให้ทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดิน”
นั่นแปลง่ายๆ ว่า ศาลฎีกาฯ เชื่อว่า ก่อนปี 2544 นายทักษิณมีทรัพย์สินอยู่แล้ว 30,248 ล้านบาท (ไม่ใช่แค่ไม่กี่ร้อยล้านบาท ตามที่ยื่นไว้กับ ป.ป.ช.)


รายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทแอสซี แอสเสทฯ
รายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทแอสซี แอสเสทฯ

ชื่อ จำนวนหุ้น สัดส่วน

แพทองธาร ชินวัตร 1,216,149,870 29.10%

พินทองทา ชินวัตร 1,179,915,495 28.16%

บรรณพจน์ ดามาพงศ์ 201,234,375 4.81%

คุณหญิง พจมาน ชินวัตร 117,109,887 2.80%

ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ 1,468,086,337 35.13%

ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ขณะที่ฟอร์บส์ประเมินทรัพย์สินของมหาเศรษฐีรายนี้ ในปีล่าสุด ไว้ที่กว่า 1.72 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 5.76 หมื่นล้านบาท โดยอ้างถึงการครอบครองหุ้นในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โดยฟอร์บส์ใช้คำว่า “owns a controlling stake in property firm SC Asset” ทั้งที่เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าว มีแต่ชื่อของคนในครอบครัวชินวัตร ทั้งบุตรสาวทั้งสอง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร อดีตภริยาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และพี่เขย นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ แต่ไม่ปรากฎชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อยู่เลย เป็นไปได้ว่า ฟอร์บส คำนวณทรัพย์สินในชื่อของสมาชิกครอบครัวมาไว้ใต้ชื่อของนายทักษิณ

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท เอสซี แอสเสทฯ ประกอบธุรกิจอสังริมทรัพย์ มีมูลค่าตามราคาตลาดล่าสุด ณ วันที่ 24 ก.ค. อยู่ที่กว่า 13,624 ล้านบาท โดยผลประกอบการของปี 2559 มีรายได้รวม 14,504 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 1,968 ล้านบาท และตลอดห้าปีหลัง คือระหว่างปี 2555 – 2559 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 67% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 75%
ของขวัญอันขมขื่น

ในวันเกิดครบรอบปีที่ 68 นายทักษิณอยากได้อะไร ?

นายทักษิณมักพูดอยู่เสมอทุกครั้งที่มีโอกาสว่า “อยากกลับบ้าน” เพื่อไปอยู่กับครอบครัว โดยวันเกิดครบรอบอายุ 67 ปี เขาถึงกับนั่งน้ำตาซึมเมื่อดูคลิปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคนสุดท้าย ร้องอวยพรวันเกิดจากเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม วันเกิดปีนี้ เจ้าตัวอาจไม่ได้ฉลองอย่างที่ใจคิด เมื่อบุคคลในครอบครัว ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯถึง 2 คน ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขย ต้องรอลุ้นผ่านการอ่านคำพิพากษา ทั้งคดีสลายม็อบหน้ารัฐสภา เมื่อปี 2557 ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ และคดีจำนำข้าว ในวันที่ 25 ส.ค.นี้
ขณะที่ชะตากรรมส่วนตัว นอกจากการถูกเรียกคืนภาษี 17,629 ล้านบาท และโทษจำคุก 2 ปี จากคดีซื้อขายที่ดินรัชดา อีก 5 คดีในศาลฎีกาฯ ที่เคยถูกจำหน่ายไว้ชั่วคราว ทั้งคดีหวยบนดิน คดีเอ็กซิมแบงก์ คดีแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คดียื่นบัญชีเท็จ และคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. …. ที่ให้ศาลฎีกาฯ ไต่สวนคดี “ลับหลัง” จำเลยได้
น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยกล่าวอวยพรตัวเองในวันเกิดครบรอบ 50 ปี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า “ขอให้มีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต” ซึ่งก็คงเป็นสิ่งที่พี่ชายคนโตในครอบครัวอย่างนายทักษิณต้องการเช่นกัน
แต่ถ้าดูสารพัดวิบากกรรมที่จ่อคิวอยู่นั้น อาจเป็นเรื่องยากที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคนตระกูลชินวัตร

ทีมข่าว สำนักข่าว  vihok news