ประชาชาติธุรกิจรายงานข่าวว่า…
‘ทักษิณ’ ขึ้นเวที AMCHAM ส่งสัญญาณไทยปรับนโยบายใหม่ แลกทำข้อตกลงภาษีทรัมป์
วันที่ 25 เมษายน 2568 – 15:21 น.
ทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงท่าทีที่อาจเกิดขึ้นของไทย ซึ่งเป็นผลจากภาษีแบบต่างตอบโต้ของสหรัฐ โดยต้องปรับปรุงกฎระเบียบการนำเข้าและนโยบายส่งเสริมการลงทุน พร้อมถอยห่างจาก WTO หันไปใช้ข้อตกลงทวิภาคีแทน
บลูมเบิร์ก (bloomberg) รายงานว่า ในงานสัมมนาที่จัดโดยหอการค้าสหรัฐในประเทศไทย หรือ The American Chamber of Commerce in Thailand (AMCHAM) ที่โรงแรมคาเพลลา แบงค็อก เมื่อวันที่ 24 เมษายน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องปรับปรุงกฎระเบียบการนำเข้าและนโยบายส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินทุนจากจีนไหลเข้าไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาษีนำเข้าของสหรัฐที่สูงลิ่วอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออก
ภาพจาก หอการค้าสหรัฐในประเทศไทย (AMCHAM Thailand)
ทักษิณกล่าวว่าภัยคุกคามจากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐร้อยละ 36 ควรเป็น “การเตือนสติที่ดี” ให้กับรัฐบาลที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของตนให้ปราบปรามผู้ผลิตต่างชาติที่หลีกเลี่ยงกฎระเบียบเกี่ยวกับวัสดุในท้องถิ่น โดยทักษิณได้อ้างถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแรงจูงใจจากรัฐบาลไทย
“เรามีการขาดดุลกับจีนจำนวนมาก และเราเกินดุลการค้ากับสหรัฐในระดับปานกลาง อาจมีบางอย่างผิดปกติที่นี่” ทักษิณกล่าว “ดังนั้น เราจะเปลี่ยนนโยบายของเรา อันเป็นผลมาจากภาษีนำเข้านี้
ความคิดเห็นของทักษิณเกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยเตรียมที่จะเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีแบบต่างตอบโต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดที่รัฐบาลทรัมป์กำหนดไว้ ไทยเกินดุลกับสหรัฐซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้วมุมมองของทักษิณยังส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีที่อาจเกิดขึ้นของไทย ซึ่งได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนของจีนอันเป็นผลจากแนวโน้มการย้ายห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ภาพ AMCHAM
ตามสถิติตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2024 บริษัทจีน รวมถึงบริษัท ByteDance บริษัทแม่ของแอปพลิเคชั่น TikTok ในสิงคโปร์ เป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตามข้อมูลจากคณะกรรมการการลงทุน บริษัทจีนคิดเป็นเกือบ 28% ของการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะที่บริษัทสหรัฐคิดเป็นประมาณ 8%
สงครามการค้ายังแสดงให้เห็นถึงภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ประเทศต่าง ๆต้องเผชิญ เช่น ไทย ซึ่งพยายามวางตัวเป็นกลาง ขณะที่รัฐบาลสหรัฐกำลังกดดันให้ประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการลดภาษี เพื่อควบคุมการค้ากับจีน และควบคุมอำนาจการผลิตของจีน ซึ่งทางการจีนเตือนประเทศอื่น ๆ ไม่ให้บรรลุข้อตกลงใด ๆ กับสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนได้
ทักษิณกล่าวว่าไทยยังเต็มใจที่จะปรับนโยบายภาษีนำเข้า เพื่อให้สินค้าของสหรัฐได้รับประโยชน์ โดยถอยห่างจากกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) และหันไปใช้ข้อตกลงทวิภาคีแทน ทักษิณกล่าวโดยยกตัวอย่างข้าวโพด ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นอีกรายการสินค้าหนึ่งที่ไทยวางแผนจะนำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อช่วยลดความไม่สมดุลทางการค้าบลูมเบิร์กรายงานว่า ทักษิณซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการใด ๆ ในรัฐบาลของลูกสาว ถือเป็นกำลังสำคัญในการกำหนดนโยบายและข้อริเริ่มของรัฐบาล จากมุมมองของหลายคนเจ้าหน้าที่ของไทยและสหรัฐเลื่อนการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรที่กำหนดไว้เดิมในสัปดาห์นี้ออกไป โดยแพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐต้องการให้รัฐบาลไทยทบทวนประเด็นบางประเด็นก่อน จากนั้นจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการใช้ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าโดยมิชอบของบริษัทต่างชาติที่พยายามหลบเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ไทยจะพิจารณาข้อกังวลของสหรัฐเกี่ยวกับการบิดเบือนค่าเงินด้วย
ภาพ AMCHAM
ด้านหอการค้าสหรัฐระบุว่า แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานยังรวมถึง โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย, ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, มาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทั้งนี้ AMCHAM เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรของสมาคมธุรกิจระหว่างประเทศชั้นนำในประเทศไทย มีผู้บริหารมากกว่า 3,500 คนจากบริษัทอเมริกัน ไทย และบริษัทต่างชาติอื่น ๆ รวม 700 แห่ง บริษัทสมาชิกได้ลงทุนรวมกันกว่า 84,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) ในประเทศไทยและสร้างงานในท้องถิ่นมากกว่า 500,000 ตำแหน่ง.
CR.ประชาชาติธุรกิจ