อย่าตัดตอน ใช้ ”ทางลัด“
ไม่กลัวรัฐประหาร!!
”บิ๊กอ้วน“ สหายใหญ่ ใส่บู๊ท
ไม่กลัว โดนรัฐประหาร
ชี้ สัมพันธ์ กับผบ.เหล่าทัพดี
คุยกันตลอด
นัดทานข้าวกัน ช่วงหลังปีใหม่
ชี้ ปมMoU 44 ทำมาเหมือนรัฐบาลก่อนๆ ขออย่าปลุก เสียเกาะกูด
แต่สนธิสัญญาว่าจะคุยกัน โดยสันติ
เชื่อ รัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี
ขอ ใช้ ความเข้าใจ ความอดทน
ใช้ระบบตามระบอบประชาธิปไตย
อย่าตัดตอน ใช้ ”ทางลัด“
หากเกิดอุบัติเหตุ
“นายกฯอิ๊งค์” หลุด ก็ยังมี “ชัยเกษม”
และมี แคนดิเดท นายกฯของพรรคที่2-3
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีMoU 44 ว่า ยังยึดหลักเดิม เพราะควรใช้ความอดทนอดกลั้น และความเข้าใจ เพราะ MoU 44 นั้น รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากรัฐบาลในอดีตที่ทำมาทุกสมัย
“แต่ขณะนี้เรื่องถูกปลุกขึ้นมา โดยอะไรไม่รู้ ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต พอเราพยายามอธิบาย แต่กลายเป็นเรื่องเกิดขึ้นแล้ว และพยายามแก้ตัว
เรื่องนี้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รู้ดีที่สุด ไม่มีใครรู้กฎหมายระหว่างประเทศและดินแดน เท่ากับกรมนี้ ซึ่งมีนักกฎหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ถึงให้กรมนี้มาทำเรื่องชี้แจง
แต่กลับมีการแตกประเด็น เช่น เกาะกูดอาจถูกยึด แต่จากที่ผมไปลงพื้นที่มา ชาวบ้านมีความสุขดี ไม่มีปัญหาอะไร และไม่เคยมีใครมาอ้างสิทธิ์ว่า เกาะกูดเป็นของใคร
และ ยังไปเยี่ยมกองทัพเรือที่ดูแลเกาะกูด ซึ่งยังคงตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่และดำเนินการดูแล
MoU 44 เรื่องนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาอะไรและ ยังไม่ตกลงกัน แค่ให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจา โดยมีเงื่อนไขสำคัญ ต้องให้ประชาชนและรัฐสภาทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน และต้องอิงหลักกฎหมายทั่วไป
จากนั้นต้องสรุปว่าสิ่งไหนที่เห็นต่างและสิ่งไหนที่เห็นพ้องต้องกัน ย้ำว่าเรื่องยังไม่เกิด เป็นเพียงสนธิสัญญาเจรจาโดยสันติ แต่กลับมีการนำเรื่องนี้ไปปลุกปั่นกันไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ประเด็น
”ดังนั้น ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่า ในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร โดยรัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี และทุกปัญหาเราสามารถจัดการได้ด้วยความเข้าใจและความอดทน“
อีกทั้งความสัมพันธ์ กับผบ.เหล่าทัพ ก็ดี
มีการคุยกันตลอด และนัดทานข้าวกัน ช่วงหลังปีใหม่
เมื่อถามถึงคดีความต่างๆ ที่โดนร้องเรียนอยู่ในขณะนี้ ปลายทางจะสิ้นสุดในปี 2568 จะทำให้รัฐบาลนี้อายุสั้นหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ยังไม่ทันทำอะไรเลย คิดว่ารัฐบาลนี้ผิดแล้วหรือ สิ่งที่ร้องเรียนมา ไม่มีความผิดก็เยอะ
”อย่าด่วนตัดสินใจและไปประเมินบนฐานที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไป และถึงแม้ว่าจะผิดหรือไม่นั้น ก็มีทางทางออก
เขาบอกว่า สมมุติหากมีกระบวนการที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เผชิญ กลไกของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย ก็ยังทำงานได้ ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทย ยังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อคนที่ 3 ถ้าหากเราโชคร้ายและเกิดกระบวนที่มีปัญหา
แต่หากมองว่าคนที่ 3 ไม่เหมาะสม พรรคการเมืองต่อไป คนที่ 1-2 ก็ยังทำหน้าที่ต่อไปได้
ทั้งนี้ กระบวนการประชาธิปไตยเราไม่ใช่เจ้าของสิทธิ์ เราเป็นเพียงเจ้าของสิทธิ์ เพียงคน 3 คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากความร่วมมือในการแก้ปัญหายังไม่มีความขัดแย้งก็สามารถเดินต่อได้ เพราะประชาธิปไตยไม่ได้ผูกขาดไว้ที่ใคร
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง ทั้งการยุบสภาหรือการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม ระบุว่า พูดตามกลไกและตามระบบ ซึ่งอยากเห็นทั้ง 2 อย่างนี้ทำหน้าที่ แต่เวลามีปัจจัยหรือเงื่อนไขที่แทรกซ้อนอื่นๆ ไม่ใช่การเกิดตามระบบ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเรา
“เราเป็นตัวแทนที่มาตามระบบ หากไม่เชื่อมั่นในระบบแล้ว จะไปเชื่อมั่นในอะไร ไปเชื่อมั่นในแนวทางอื่น ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ดีในระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้น ต้องถือว่าเชื่อมั่น แต่จะถูกหรือผิดต้องดูตามความเป็นจริง หากเราเดินตามจุดหมายนี้อย่างชัดเจน และประชาชนมีความเข้าใจได้มากขึ้น
“ผมเสนอว่าประชาธิปไตยไม่ควรสะดุด ขาดตอน ควรให้มีพัฒนาการไป แม้ว่าจะผ่านมือใคร หรือจะเปลี่ยนอะไรก็ทำ และประเทศประชาธิปไตยที่เจริญแล้วล้วนมีพัฒนาการทั้งนั้น พัฒนาที่เกิดขึ้นคือเรียนรู้ของคนในระบอบประชาธิปไตย ดีกว่ามาตัดตอนแล้วหาทางลัด ซึ่งผมไม่เห็นด้วย”