เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2568 ที่โรงเรียนห้อยซ้อวิทยา จ.เชียงราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยระบุตอนหนึ่งว่า ปีนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะจัดการยาเสพติดอย่างจริงจังและใครเป็นผู้มีอิทธิพลก็จะต้องถูกจัดการ
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า นายกฯ บอกว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งโอกาส ดังนั้น เราจะสร้างโอกาสให้กับคนไทยทั้งประเทศ โอกาสใทำมาหากิน โอกาสที่จะเข้าหาแหล่งเงิน โอกาสที่จะเข้าหาความรู้ โอกาสที่จะได้สะสางหนี้สินก็จะเกิดขึ้น ที่ผ่านมาประชาชนชาวเชียงของก็ถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกเอาเงิน มันอยู่ที่เมียวดี ตนกำลังเจรจาถ้าเขาไม่มีปัญญาจัดการ เดี๋ยวเราจะส่งคนไปช่วย ปีนี้คอลเซ็นเตอร์ต้องจบและเลิกหลอกคนไทยได้แล้ว
“ที่ผ่านมา นายกฯ โดนด่าทุกวัน ไม่รู้จะด่าหาพ่อหาแม่เหรอ คิดแล้วเครียด ตื่นเช้ามาก็ด่า เข้าส้วมเสร็จก็ด่า กินข้าวเสร็จก็ด่า นั่งด่าทุกวัน ด่าไปเราก็สงสาร สมเพชมัน ที่บ้านน่าจะโดนเมียตบมาบ้าง ผมก็ใจดี ใครจะด่าก็ด่า แต่ผิดกฎหมายก็ฟ้อง ฟ้องไปก่อนมันเติ้ก (มันขวาง)” นายทักษิณ กล่าว
มีช่วงหนึ่งประชาชนได้ถามถึงราคาข้าวที่ตกต่ำ นายทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้ก็พยายามทำให้ลดการผูกขาดเพื่ออนาคต ประชาชนจะได้สามารถส่งออกข้าวเองได้ ตนมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ไขว้คว้าโอกาส และปีหน้าเริ่มมีสตางค์หมดหนี้หมดสิน และปี 2570 เราจะต้องปลดหนี้ประเทศไทยให้ได้ ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นเราไม่ได้สร้างแต่ได้รับมรดกมา
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนเกิดปีวัว และเป็นวัวกลางวันด้วย ซึ่งก่อนจะกินฟางก็ต้องไถนาก่อน ดวงชะตาต้องทำงานหนัก เวลาบ้านเมืองสบาย ตนก็โดนเตะให้ไปอยู่เมืองนอก พอบ้านเมืองลำบาก กลับมาก็ต้องทำงาน ไม่เป็นอะไร ถือว่าเป็นหน้าที่ต้องรับใช้ประเทศชาติบ้านเมือง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายทักษิณ ได้เบ่งกล้ามโชว์ประชาชนบอกว่า “อายุ 75 ปีแล้ว แต่ยังทำงานไหวอยู่”