.
ทักษิณ ชินวัตร ได้จัดงานเลี้ยงคนเสื่อแดง 50 เขตในกรุงเทพ โดยได้ขึ้นเวที ประกาศว่า . . .
” ตั้งใจที่จะทำภาพกว้างก่อน ” คือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ แก้ปัญหาสังคมที่มันแย่มานาน
ก็อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี
.
แต่ขณะเดียวกันนั้นเนี่ย บางกลุ่มบางเหล่าที่เป็นพวกเราที่เคยดูแลช่วยกันเป็นหลังพิงให้กันเนี่ย ก็ไม่เคยลืมมีอะไรถ้ารับรู้ช่วยอะไรได้ทำอะไรให้ได้
.
17 ปีที่หายไปนั้นเนี่ยมีหลายคนที่ให้ใจให้กายให้กําลังให้ชีวิต ทำให้ผมมีความรู้สึกว่าผมเนี่ยต้องมาใช้หนี้ให้ได้ หลายคนที่ต้องหนีออกไปบ้าง เอาตัวรอดบ้างบางคนก็เอาตัวรอดจนเกินเลย บางคนก็เอาตัวรอด กําลังพอดี ก็เข้าใจหมด
.
แล้วกลับมาพยายามลืมของเก่าแล้วก็นับต้นใหม่ นับเริ่มนับใหม่
แต่ถ้านับแล้วยังแทงผมอยู่ ผมก็ถีบแล้วล่ะ แทงตอนไม่อยู่เนี่ยก็พอรับได้ แต่พอกลับมาแล้วเนี่ย
“คุยกันแล้วยังแทงอยู่ก็ต้องถีบ แล้วก็ยังจะต้องทยอยถีบไปอีกเรื่อยเรื่อยอยู่ “
เพราะว่าคนบางคนมันไม่ไหวจริงจริง
คนบางคนเนี่ย. . . ความเป็นมนุษย์มันไม่เหลือ
.
คนเราเนี่ย มันต้องมีความเป็นมนุษย์อะ คือ เราคบได้แต่มนุษย์นะ “ เปรต เราก็คบไม่ได้ เทวดาก็ไม่รู้มีจริงหรือเปล่า ก็คบไม่ได้อีก ถ้าจะพูดพูดกับเทวดาต้องจุดธูป “ เอาพูดกับมนุษย์ธรรมดา นี่แหละ อย่างพวกเรานี่แหละ!! แต่มนุษย์จะเป็นมนุษย์เสื้อแดงเนี่ย มันวิเศษสุด
วันนี้ผมยอมรับว่าผมกลับมาเห็นประเทศไทยเที่ยวนี้ ในแง่ของคุณภาพของคนตกไปเยอะ เพราะว่า การบริหารที่ไม่บริหารมาใน 10 ปีที่แล้ว บ้านเราทรุดไปเยอะ พลภาพของคนก็เยอะแย่ไปเยอะ จริยธรรมของคนตกไปเยอะก็วันนี้เราจะต้องมาช่วยกันใหม่ ซึ่งมันยากกว่าเดิมตอนสมัยต้มยํากุ้งเนี่ย
วันนี้ก็พวกตั้งหลักด่าผมขาประจำมันก็มีอยู่ ผมก็เฉยเฉย ผิดกฎหมายก็เป็นฟ้องอยู่ด้วย กฎหมายเป็นฟ้องไม่เก็บไว้ทําพ่อหรอก
วันนี้มันคือผมเป็นคนใจดีผมเป็นคนใจดี
แต่ว่าวันนี้เนี่ยมันสังคมไทยชอบใช้คําว่า หลบที่แข็งแทงด้วยอ่อนน่ะ เพราะฉะนั้นเราอ่อนไม่ได้แทงทั้งวัน เพราะฉะนั้นมีอะไรมันมันมันต้อง “เกลือจิ้มเกลือ.” ก็ต้องมาเอาบ้างนะ ทักษิณกล่าวในที่สุด