ข่าวประจำวัน » โจ๊กแก้เกี้ยว !! บุกโรงพักแจ้งจับ ผบ.ตร. เอาผิด 157 หลังเอาผิดตนเอง

โจ๊กแก้เกี้ยว !! บุกโรงพักแจ้งจับ ผบ.ตร. เอาผิด 157 หลังเอาผิดตนเอง

11 February 2025
40   0

.

บิ๊กโจ๊ก บุก สน.ปทุมวัน ร้องทุกข์กล่าวโทษ บิ๊กต่าย กระทำผิด ตามมาตรา 157

.

บ่ายวันนี้ 11 กพ 68 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล เดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฐานไม่ทำตามอำนาจหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ราชการ อันอาจถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดทางอาญา ตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561

.

ในคำร้องทุกข์กล่าวโทษบางส่วน ได้ยกกรณีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ถึงปัจจุบัน พบว่ามีข้าราชการตำรวจหลายรายถูกต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน ทั้งที่เป็นข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง แต่พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐฯ ในฐานะผู้นำองค์กรและเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจ ซึ่งทราบเป็นอย่างดี ตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับละเลยหรือเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่จะสั่งการให้ข้าราชการตำรวจที่มีการถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และบางรายมีการถูกดำเนินคดีอาญาต่อศาลแล้ว ให้มีคำสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 131

.

โดยเฉพาะในคดี 140 ล้าน หรือ “เป้รักผู้การฯ” นั้น ประชาชนให้ความสนใจและมีการนำเสนอข่าวต่อประชาชนถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า พลตำรวจตรี กัมพล ลีลาประภาภรณ์ เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาในคดีนี้ และพนักงานสอบสวน ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง ส่งสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการพิจารณาตามกฎหมาย และล่าสุดพนักงานอัยการ ก็มีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว

.

แต่ในคดีนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ กับพวก กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 131 ที่จะมีคำสั่งให้ พลตำรวจตรี กัมพล ลีลาประภาภรณ์ และข้าราชการตำรวจรายอื่นออกจากราชการไว้ก่อน ให้เหมือนกับที่ได้มีการสั่งให้พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล กับพวก ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

.

นี่จึงเป็นการส่อเจตนาที่จะประพฤติปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้เชื่อว่ามีเจตนาที่จะใช้อำนาจตำแหน่งในหน้าที่ช่วยเหลือ พลตำรวจตรี กัมพลฯ และข้าราชการตำรวจรายอื่นที่ถูกต้องหาคดีอาญาหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะข้าราชตำรวจหลายรายถึงขั้นมีการถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องดำเนินคดีต่อศาลแล้ว

.

ในขณะที่คดีของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล กับพวก ซึ่งยังมิได้มีการถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้อง แต่กลับถูกคำสั่งให้พักราชการหรือออกจาราชการไว้ก่อน

.

การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และระบบราชการอาจถือว่าร้ายแรง อันอาจเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”

.

นอกจากนี้ยังมีคดีที่พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นบิ๊กโจ๊ก ที่อัยการสั่งฟ้องและศาลออกหมายจับ, รวมทั้งกรณี พ.ต.อ.ภีมพจน์ฯ ศาลออกหมายจับคดีแจ้งความเท็จกล่าวหาภรรยาบิ๊กโจ๊ก และ พล.ต.ต.เอกภพฯ ที่ต้องหาคดีฟอกเงินเว็บพนัน ที่ศาลออกหมายจับและส่งฟ้องต่อศาล ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดใดตามอำนาจหน้าที่

.

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จึงมาแจ้งความร้องทุกข์และกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องการกับพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ