.
15 ก.พ. 2568 – นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า หนึ่งในผู้นำทางความคิดของพรรคประชาชน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “เพื่อไทยวิธี” แฉยับกลยุทธ์ตลบตะแลงที่พรรคเพื่อไทยใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อต่อรองอำนาจ โดยเฉพาะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าและครั้งล่าสุดเพื่อไทยมีส่วนร่วมทำให้การแก้ไขรับธรรมนูญไปไม่ถึงฝั่งฝัน
นายปิยบุตร อธิบายว่า พรรคเพื่อไทยมักจะใช้วาทกรรมเดิมๆ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ประชาธิปไตยของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ ประนีประนอมกับอำนาจเดิมเพื่อรักษาสถานะของพรรค
ตัวอย่างคือพรรคเพื่อไทยอ้างว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญแบ่งออกเป็น 3 แบบ
1. “ไม่แก้” ฝ่ายที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงใดๆ
2. “ได้แก้” ฝ่ายที่พยายามผลักดัน แต่รู้ล่วงหน้าว่าทำไม่สำเร็จ
3. “แก้ได้” ฝ่ายที่ใช้แนวทางประนีประนอม อ้างว่าต้องเดินอ้อมเพื่อให้ได้มา แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
นายปิยบุตร ระบุว่า พรรคเพื่อไทยใช้ข้ออ้าง “แก้ได้” มาตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่เคยแก้จริง “พวกเขาพูดเสมอว่า “ดันทุรังไปก็ชนกำแพง ต้องเดินอ้อม” แต่ถามว่าตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา เดินอ้อมไปถึงไหน? หรือสุดท้ายแล้วไม่ได้เดินไปไหนเลย?”
ปี 2553-2557 ชนะเลือกตั้งจากเสียงประชาชน แต่ไม่เคยจัดการอำนาจเก่า
เพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลายจากกระแสคนเสื้อแดงที่หวังให้รัฐบาลใหม่จัดการกับมรดกเผด็จการ
แต่สุดท้าย ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็น ผบ.ทบ.
การดำเนินคดีต่อผู้สั่งสลายการชุมนุมเสื้อแดง ไม่มีความคืบหน้า
พรรคพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มี สสร. จัดทำฉบับใหม่ แต่ศาลรัฐธรรมนูญขวาง และเพื่อไทยก็ยอมถอย
แทนที่จะแก้รัฐธรรมนูญ กลับไปเลือกตรากฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง สุดท้ายประชาชนไม่พอใจ เกิดม็อบ กปปส. นำไปสู่รัฐประหารปี 2557
ปี 2566 ใช้ประชาชนเป็นบันไดเข้าสู่อำนาจ แล้วทิ้งทันที
หาเสียงแข่งกับก้าวไกลว่า เพื่อไทย “อยู่บนความเป็นจริง” ไม่เพ้อฝันเหมือนก้าวไกล
สัญญาว่าจะ ลบล้างผลพวงรัฐประหาร แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพ
แต่สุดท้าย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ณ วันนี้ ผลลัพธ์ของเพื่อไทยคืออะไร? ยกเลิกเกณฑ์ทหาร? ไม่มี! ล้างผลพวงรัฐประหาร? ไม่มี! นิรโทษกรรมคดีการเมือง? ไม่มี แต่รัฐบาลข้ามขั้วมีจริง ทักษิณกลับบ้านจริง ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แพทองธารเป็นนายกฯ!” นายปิยบุตร ระบุ
ผู้นำทางความคิดของพรรคประชาชน แฉว่าพรรคเพื่อไทยกำลังใช้วาทกรรม “การเมือง 3 ก๊ก” เพื่อสร้างภาพว่า ตัวเองเป็นทางสายกลาง ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายก้าวหน้า
“พวกเขาอยากให้ประชาชนเชื่อว่า การเมืองวันนี้มี 3 ก๊ก คือ อนุรักษ์นิยม ก้าวหน้าสุดโต่ง และเพื่อไทยที่เป็นประชาธิปไตยแบบมีประสบการณ์ แต่ในความเป็นจริง เพื่อไทยก็คือขั้วอนุรักษ์นิยมที่แต่งหน้าใหม่เท่านั้น”
นายปิยบุตร ย้ำว่า การเมืองไทยวันนี้ ไม่ได้มี 3 ก๊ก แต่มีแค่ 2 ขั้ว
1. ขั้วเก่า คือกลุ่มที่ต้องการรักษาอำนาจเดิม รวมถึงเพื่อไทยที่ยอมจำนนต่ออำนาจรัฐ
2. ขั้วใหม่ คือกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจให้สมดุลและเป็นประชาธิปไตยจริงๆ
“เพื่อไทยกำลังพยายามทำให้ตัวเองดูแตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็อยู่ขั้วเดียวกัน” นายปิยบุตร ย้ำและว่า ประชาชนต้องลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง หมดยุคนักการเมืองที่แค่ ‘อ้างว่าทำไม่ได้’
นายปิยบุตร สรุปว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องของการหาข้ออ้างเพื่อไม่ทำ แต่เป็นเรื่องของการขีดเส้นความเป็นไปได้ใหม่ “เราต้องการนักการเมืองที่เป็นกองหน้าประชาชน ไม่ใช่พวกที่แค่ต้องการอยู่ในอำนาจไปเรื่อยๆ”
เขาทิ้งท้ายว่า ประชาชนต้องเลิกเป็นเหยื่อของ “เพื่อไทยวิธี” ที่วนเวียนซ้ำซาก เพราะถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นอีก พรรคเพื่อไทยก็จะใช้วิธีเดิมในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า แล้วทุกอย่างจะจบลงเหมือนเดิม
“หมดเวลาของนักการเมืองที่รักษาสถานะเดิม ประชาชนต้องเลือกขั้วใหม่”