.
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายณรงค์เดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถาม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เรื่องการแก้ไขปัญหาราคาข้าว ว่า ต้องขอบคุณรัฐมนตรีที่มาตอบกระทู้ในวันนี้ หากมาเช้ากว่านี้จะทราบว่าเพื่อนสมาชิกหารือกันถึงปัญหาราคาข้าวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หารือในกรรมาธิการ (กมธ.) รวมถึงตั้งญัตติด่วน เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวนา แต่ดูเหมือนว่าจะไปไม่ถึงกระทรวงพาณิชย์ ไปไม่ถึงรัฐมนตรี จึงต้องรบกวนให้มาตอบว่ารัฐบาลนี้มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้ชาวนาแค่ไหน เพราะเวลาตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.)จะตั้งนายกฯเป็นประธาน แต่รัฐบาลนี้กลับตั้งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลังเป็นประธาน
.
“นายกฯเจนวาย ไม่สนใจชาวเกษตรเหรอครับ จากปัญหาการไร้ผู้นำ ทำให้เราเห็นการบริหารจัดการข้าวเป็นแบบทำใครทำมัน เป็นนโยบายรายวัน” นายณรงเดช กล่าว
.
นายณรงเดช กล่าวต่อว่า รัฐบาลกำลังทำอะไรกันอยู่ มาตรการต่างๆที่ออกมาช่วยเหลือชาวนาได้ข้อสรุปแล้วหรือไม่ ในฐานะที่ รมว.พาณิชย์ เป็นรองประธาน นบข.ตอบได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือพี่น้องชาวนาที่ทำนาปรังในฤดูการผลิต 2567/68 คืออะไร ความช่วยเหลือจะถึงพี่น้องชาวนาเมื่อไหร่ จะใช้เงินเท่าไหร่ จะช่วยเหลือใครบ้าง มั่นใจได้อย่างไรว่าเงินช่วยเหลือถึงชาวนา ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน และภายในรัฐบาลได้คุยกันหรือไม่ เพราะนโยบายดูย้อนแย้งกัน
.
ด้านนายพิชัย ชี้แจงว่า ตนมีความห่วงใยชาวนาไม่ต่างจากท่าน มีความกังวลตลอดเวลา เราได้เริ่มพูดมาแล้วกว่า 10 หน ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าราคาข้าวนาปรังไม่ดี เนื่องจากอินเดียเริ่มส่งออกข้าว ก่อนจะชี้แจงว่าตนและ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ แม้อยู่คนละพรรคกัน ก็คุยกันบ้าง แต่ความทุกข์ของชาวนาคือความทุกข์ของแผ่นดิน เป็นสิ่งที่ตนตอกย้ำมาตลอด ซึ่งเรื่องนี้เราไม่เคยให้เงินค่าข้าวนาปรังกับเกษตรกร แต่เราเห็นว่าราคาตกเยอะ เลยออกมาตรการมา มีชาวนามาเสนอแนวคิด เราก็รับฟังทุกทาง และส่งต่อ นบข.ใหญ่ และใช้เงินที่เหลือจากข้าวหน้าปีมาช่วย
นายณรงเดช ถามต่อว่า ตอนนี้ไม่มีใครซื้อข้าวในตลาดโลก สถานการณ์ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง เพราะล้นตลาด ในเมื่อกระทรวงพาณิชย์ทราบแล้วว่าจะมีสถานการณ์ข้าวล้นตลาด กระทรวงพาณิชย์ได้มีแผนการอย่างไรในการบริหารจัดการข้าวเปลือก 2.2 ล้านตัน ที่ยังไม่มีที่ไปในปีนี้ ถ้ารัฐมนตรีระบุว่าจะผลักดันการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับจีน อยากทราบว่าจะขายข้าวชนิดไหน ราคาเท่าไหร่ ข้อตกลงนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นฝีมือของท่านหรือไม่ การส่งออกข้าว 3 แสนตัน ไปแอฟริกาใต้ทมูลค่าราว 5,250 ล้านบาท ตอนนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหน แล้วจะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่
.
นายพิชัย ชี้แจงว่า สถานการณ์ตอนนี้ประเทศอินโดนีเซียที่เคยซื้อก็ไม่ซื้อ สถานการณ์ของเราในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ย.67 ตนได้ติดต่อขายข้าวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เพราะรู้ว่าจะมีปัญหานี้ และได้มีการเรียกทูตจีนมาพบ นอกจากนี้ยังได้ติดต่อไปที่แอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มีผู้บริโภคข้าวไทยเยอะ โดยตนจะต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวปลายเดือนนี้จำนวน 3.7 แสนตัน ยืนยันว่าขายได้แน่ เพราะกรมการค้าระหว่างประเทศยืนยันกับตนแล้ว ส่วนตลาดอื่นๆเราพยายามหาเพิ่มเติม ตนได้เรียกทูตพาณิชย์ทั้งหมดมานั่งฟังและหาช่องทางในการเร่งขายข้าว
นายณรงเดช ได้ถามอีกว่า มาตรการที่มีอยู่ตอนนี้คือช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ใช่หรือไม่ ซึ่งผ่านมติ นบข. แต่ยังไม่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วยังไม่รู้ว่าจะเอาเข้าครม.เมื่อไหร่
“ปีนี้ชาวนาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เนื่องจากผลผลิตมากขึ้น แล้วรัฐบาลทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือยัง ทำงานกับกระทรวงเกษตรฯได้หรือไม่ ตอนแถลงบอกว่าตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ วันนี้เกี่ยวข้าวแล้ว ตลาดอยู่ที่ไหนครับ ถ้าคะแนน 10 เต็ม 10 ท่านรัฐมนตรีจะให้คะแนนตัวเองในการแก้ปัญหาราคาข้าวเท่าไหร่ดีครับ ถ้ามีการปรับ ครม. ท่านจะยังอยู่หรือไม่ครับ” นายณรงเดช กล่าว
ทำให้นายพิชัย ชี้แจงว่า ตอนนี้กำลังจะนำเข้า ครม.น่าจะภายในสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์โน้น เพราะจะต้องเวียนขอความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆก่อน แต่ขอเรียนว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้ดำเนินการไปแล้ว เราต้องฟังความคิดเห็นของคนทุกฝ่ายและมาช่วยหาทางแก้ไข
“ยืนยันว่าเกษตรกรเป็นกลุ่มประชาชนที่สำคัญต้องดูแลความเป็นอยู่ที่ดี ในการแก้ปัญหาระยะยาวมีโจทย์ให้มีรายได้ที่มากขึ้น กระทรวงพาณิชย์หาพืชอื่นเพื่อสร้างรายได้ ผมไปญี่ปุ่น ทราบว่าต้องการกล้วย ล้านตันต่อปี ในประเทศไทย มี 8,000 ตัน และมีโควต้าส่งออก 2,000 ตัน ดังนั้นหากเร่งให้ชาวนาหรือเกษตรกรปลูกกล้วยส่งญี่ปุ่น ผมคำนวณแล้ว ผลตอบแทนต่อไร่ของกล้วย อยู่ที่แสนบาท ทั้งนี้ได้นำทูตพาณิชย์ญี่ปุ่นและผู้นำเข้าจากญี่ปุ่นมาทดลองปลูกกล้วยที่ จ.นครราชสีมา จำนวน 1.5 แสนต้น เพื่อทดลองให้ประชาชนเห็นว่าได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าจริง
และเพื่อให้ชาวนาปลูกพืชที่มีราคาสูงขึ้นให้มีรายได้ที่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำ และหาผลผลิตเกษตรที่สร้างรายได้ให้ชาวนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีการปลูกกล้วย ที่จ.เชียงราย ทำรายได้กว่าแสนบาท” นายพิชัย ชี้แจง
ทำให้ นายณรงเดช ฝากข้อสังเกตว่า “ผมอยากฝากรัฐมนตรี จะเสนอมาตรการอะไร ปรึกษากระทรวงเกษตรฯ และผู้ชำนาญให้มากๆ หากมีการพูดคุย เชื่อว่าจะไม่เสนอมาตรการให้ชาวนาปลูกกล้วยแทนทำนา”