สภาทนาย เกาะ กระแสคดีดัง
…………####…………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
สภาทนาย เกาะ กระแสคดีดัง “ดิ ไอคอน ”การสั่งรับคดีแบบนี้
เป็นไปโดยนายกวิเชียรคนเดียวโดยคณะกรรมการสภาบางคนบอกว่า ไม่รู้เรื่อง ที่สภานำคดีสำคัญ ไปให้ทนายนอก ซึ่งเป็นพรรคพวกทำ โดยไม่มีมติคณะกรรมสภา
ที่สภารับลูกมาทำโดยให้พรรคพวกตัวเองเป็นผู้ดำเนินการ เป็นการเอารัดเอาเปรียบ เพื่อนสมาชิกอย่างมากมีผลประโยชน์ทับซ้อน กับทนายบางพวก บางกลุ่มลวง
ใช้สภาทนาย การันตี ว่าเป็นทนาย มีคุณภาพ แสงใกล้ดับ เป็นการวางแผนต้องเตรียมหาเงินเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ในปี 2568
มีผู้เสียหาย ร่วม 5000 คนมีผู้เสียหาย รายจ่าย ไม่น้อยกว่าเรื่องละ 5000 บาทกรณีนี้มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
ทนายอาสา เอื่อมละอากับผู้นำองค์กร ที่ไม่ได้ทำเพื่อสมาชิกทนาย
และประชาชนอย่างแท้จริง หมกเม็ดแย่งอาชีพทนายความด้วยกัน
คดี “ดิ ไอคอน ” จึงไม่ได้ อยู่ในหลักเกณฑ์ที่สภาทนายความจะให้ความช่วยเหลือ ด้วยงบประมาณของสภาทนายความเพราะผู้เสียหายในคดี “ดิ ไอคอน ” ไม่ใช่ผู้ยากจน ที่ สภาทนาย รับทำคดี เป็นการอำพราง เกี่ยวกับหลักเกณท์ในการ ทำคดีให้ เพราะมันผิดกฎหมาย
ส่อไปในทาง กระทำผิดวัตถุประสงค์ ของสภาทนายความ ร้ายแรง ตามมาตรา 7 ประกอบ มาตรา 20
สภานายกพิเศษย่อม มีอำนาจ ปลดนายกและกรรมการที่เกี่ยวข้อง
กระทำผิดตามวัตถุประสงค์ของสภาทนายความ โดย เหยื่อ ดิ ไอคอน
ไม่ใช่ผู้ยากไร้ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในทางตรงกันข้ามผู้เสียหายเหล่านั้นคือผู้มีฐานะ เพียงแต่บางคนอาจกู้หนี้ยืมสิน(ทุ่มจนหมดตัว)แล้วนำเงิน ไปลงทุนเป็นสมาชิก ขายตรง
กลับ ดิไอค่อนจึงเป็นการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยง และมีความกล้า
เรียกว่ากล้าได้กล้าเสีย เมื่อมีผลประโยชน์ตอบแทน ในทางบวกต่างแสดงความยินดีในทางตรงกันข้าม ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ได้รับความ เป็นธรรม ซึ่งเรื่องนี้ เป็นการฉ้อโกงอาศัยความโลภ ของเหยื่อ จำนวนมากสิ่งเป็นเรื่องที่ หน่วยงานรัฐ ไม่เข้าควบคุมเองต่างหาก
ดังนั้น คดี ดิ ไอคอน จึงไม่ใช่ คดีที่สภาทนายต้องให้ความคุ้มครองสาธารณะ แต่เป็นคดีที่สภาทนาย และภาคส่วนต้องเรียกร้องให้รัฐ เข้ามารับผิดชอบ กับความเสียหายที่เกิดขึ้น กับราษฎรผู้ลงทุน เพราะปล่อยประละเลย ให้มีการใช้พื้นที่ฉ้อโกงประชาชน
การที่ ดีเอสไอ จะเรียกว่า จับมือ หรือโยนเผือกร้อน หรือฝากงานกับ ไว้สภาทนาย เป็น กระบวนการการโยนผิด หรือเป่าคดีทิ้ง
ให้ “เหยื่อ”ไปร้องขอความเป็นธรรม กับสภาทนาย และสภาทนาย โดดรับลูก เสมือนเหยื่อคือลักบี้แบบนี้ ทำให้เหยื่อ เหนื่อยมาก หายอยาก
กรณีนี้ ความจริงเป็นเคสที่ไม่เข้าเงื่อนไข ที่สภาทนายจะรับ คดี ดิ ไอคอน มาช่วยเหลือ
แต่นายก ก็ยังฝืนทำและ ไปเชิดชู ทนายความ ที่รับผิดชอบ โดยเป็นทนายความ ฝ่ายการเมืองที่เคยมีบทบาท แต่ไม่ใช่ของสภาทนาย
สภาทนาย และกรรมการสภาที่รับผิดชอบตรงคงหมดแสง หมดความน่าเชื่อถือ แล้วจึงต้องอาศัย ทนายฝ่ายการเมืองนายนั้น เข้าช่วยเหลือให้เกิดแสงสว่าง มีอะไร เป็นส่วนได้เสียแลกเปลี่ยนบ้าง
แบบนี้ ประโคมให้เหยื่อ บินโหมเข้าใส่ สภาทนาย ซ้ำอีกหรือเปล่า ?
กรรมการสภาทนายความ ที่เกาะกลุ่มนายกวิเชียร ยังจะไว้ใจ ให้บริหารสภาอีกเหรอ ขนาดมีเวลา ดำรงตำแหน่ง อีก 8 เดือน กรรมการในสังกัด ของฝ่ายตัวเอง ยังโดดหนี เลี้ยงไม่ได้ ไปเกาะกลุ่มหาเสียง กับฝ่ายอื่น มันน่าจะผูกคอตายนัก
นายกวิเชียรเริ่มถอดใจ แต่อาจจะวางมือทางการเมือง ในสภาทนาย หรือไม่ อันนี้ ก็ต้องดูยาวๆ ใจถึงก็จริง แต่บางทีพึงไม่ได้
ก็ป่วยการ
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม