ข่าวประจำวัน » ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องบริษัทแอมเวย์ประเทศไทย จำกัด กล่าวหาสมาชิกแอมเวย์แจ้งความเท็จ

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องบริษัทแอมเวย์ประเทศไทย จำกัด กล่าวหาสมาชิกแอมเวย์แจ้งความเท็จ

29 January 2025
41   0


………………………####……………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง


   คดีนี้สืบเนื่องมาจากจาก  นางฐนฐา สิปิยารักษ์ กับพวก ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน “กองปราบ” ว่า กล่าวหาสมาชิก

แอมเวย์ (ประเทศไทย)จำกัด ฉ้อโกงเงินตามผลงาน และไม่ทำตามแผนการตลาด และไม่ต่ออายุสามชิก แล้วเอาสายงานของสมาชิกไปขายให้แก่บุคคลภายนอก แต่ทางกองปราบเห็นว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจ
สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก จึงโอนคดีมายัง สน.หัวหมากเพื่อดำเนินการต่อ

  ต่อมาสมาชืกแอมเวย์กับพวกจึงได้ปรึกษาสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคในขณะนั้น เห็นว่าแผนการตลาด 
    ของบริษัทแอมเวย์(ประเทศไทย)จำกัดเป็นแผนการตลาดที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายลักษณะเป็นแชร์ลูกโช่  และทางบริษัท ให้การรับ

สารภาพสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค จึงเปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน
หกแสนบาท หลังจากนั้น สมาชิกแอมเวย์

  จึงได้ไปร้องทุกข์ต่อกรมสอลสวนคดีพิเศษ DSI. และได้ถอนคำร้องทุกข์ที่  สน.หัวหมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบสวนแล้วเป็นคดีแชร์ลูกโซ่  เตรียมที่จะรับเป็นคดีพิเศษ โดยสมาชิกได้ยื่นต่อศาล ตามรายงานการสอบสวน พนักงานสอบสวนผู้นั้นต้องถูกย้ายโดยไม่ทราบ

สาเหตุ และเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ เลยทำให้การสอบสวนนั้น
ได้เปลี่ยนแปลงไป

    พนักงานอัยการ จึงได้ฟ้องนางฐนฐา สิปิยารักษ์ กับพวก ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โดย บริษัทแอมเวย์(ประเทศไทย)จำกัด ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลอาญา “อนุญาต”

      ระหว่างพิจารณา กรรมการบริษัท บริษัทแอมเวย์ รับว่า เงินผลงานสมาชิกอันพึ่งจะได้รับ อยู่ที่ โจทก์ ร่วม และสามชิกยังได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติ และรับว่าแผนการตลาดเป็นแผนการตลาดที่ผิดกฏหมาย  และรบว่า ได้นำสายงานไปขายให่แก่บุคคลภายนอกในกลุ่มสมาชิกแอมเวย์ 

        ศาล อาญามีคำพิพากษายกฟ้อง

   ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๘  ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สรุปได้ความว่า  ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพันตำรวจโทธนวัฒน์หลีพงษ์ พนักงานส่อบสวนประจำกองกำกับการ๑ กองบังคับการปราบปราม และร้อยตำรวจโทสุทัศน์ แสงสุข พนักงานสอบสิวน สถานีดำรวจนครบาลหัวหมากเพื่อดำเนินคดีแก่โจทก์ร่วมและกรรมการบริษัทโจทก์ร่วมในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

  คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมว่า จำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อความที่จำเลยแจ้งว่า เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ เพื่อนจำเลยซักชวนให้สมัครเป็นสมาชิกบริษัทโจทก์ร่วมโดยมีเงื่อนไขในการหาสมาชิกและซื้อขายสินค้า และมีสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่โจทก์ร่วมตั้ง 

จำเลยสนใจจึงสมัครสมาชิกโดยดำเนินการขายสินค้าและเริ่มหาสมาชิกเรื่อยมา ซึ่งจำเลยจะได้รับเปอร์เซ็นต์ส่วนลดและรายได้เป็นไปตามแผนการขายของโจทก์ร่วม 

  จนกระทั่งจำเลยมีสมาชิกในกลุ่มประมาณเกือบ6000 ถึง7000 คนปัจจุบันจำเลยเป็นสมาชิกประเภทเพชรคู่ โดยในปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๗) จำเลยทำยอดขายให้ตรงตามคุณสมบัติของสมาชิกประเภทตรีเพชร. โดยจะต้องทำยอดขายให้ได้๔๓๐,๕๐๐ บาท ต่อกลุ่ม ต่อเดือน จำนวน ๑๕ กลุ่ม อย่างน้อยติดต่อกัน ๖ เดือนภายใน ๑ ปี ตามบัญชีของโจทก์ร่วม จึงได้เลือนตำแหน่งขึ้นเป็นตรีเพชร ซึ่งในรอบ ปี ๒๕๕๗ 

จำเลยกับสมาชิกในทีมสามารถทำยอดขายสินค้าของโจทก์ร่วมตรงตามที่กำหนดในเงื่อนไขของโจทก์ร่วม ทำให้จำเลยต้องได้เลื่อนตำแหน่งเป็นตรีเพชร และได้ผลประโยชน์อีกหลายประการแต่ทางโจทก์ร่วมไม่ยินยอมเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นสมาชิกตรีเพชรให้แก่จำเลยและไม่ให้สิทธิ์พิเศษต่างๆที่จำเลยควรจะได้รับ ทางโจทก์ร่วมส่งหนังสือมาแจ้งจำเลยว่าจำเลยละเมิดระเบียบปฏิบัติหรือนโยบายธุรกิจแอมเวย์และไม่ทำตามเงื่อนไขซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

จำเลยทำหนังสือสอบถามเรื่องดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงว่าจำเลยทำผิดหรือละเมิดระเบียบข้อใดต่อมาโจทก์ร่วมทำหนังสือตอบจำเลยว่าเนื่องจากลูกทีมของจำเลยมีคุณสมบัติไม่ตรงตามกำหนดทำให้จำเลยไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆและไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นสมาชิกระดับตรีเพชรได้

จำเลยได้ทำหนังสือทวงถามและชี้แจงเรื่องการพิจารณาคุณสมบัติ ของจำเลยในการเลื่อนตำแหน่งกับโจทก์ร่วมบ่อยครั้งซึ่งโจทก์ร่วมก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาตามบันทึกคำให้การเอกสารหมายจ.๑ แผ่นที่สอง
งวดที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ถึงเหตุที่มาแจ้งความร้องทุกข์ว่าเนื่องจากจำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรมในกรณีที่จำเลยสามารถทำตามเงื่อนไขของโจทก์ร่วมตนสามารถที่จะรับตำแหน่งตรีเพชรแต่โจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นไปตามเงื่อนไขของโจทก์ร่วม

      ตามใบต่อคำให้การเอกสารหมายจอหนึ่งแผ่นที่สี่เห็นว่ามูลเหตุที่จำเลยร้องนั้นเกิดจากข้อพิพาท เกี่ยวกับการที่โจทก์ร่วมไม่เลื่อนตำแหน่งตรีเพชรให้จำเลยทางที่จำเลยและลูกทีมสามารถทำรายได้ให้โจทก์ร่วมตรงตามเงื่อนไขแล้ว

จึงเป็นความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลยว่าจำเลยคนได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นปีเพชรหรือไม่จำเลยมีความเห็นว่าจำเลยกับลูกทีมสามารถทำได้ตรงตามที่โจทก์ร่วมกำหนดแล้วสมควรได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นตรีเพชรแต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง

      ส่วนโจทก์ร่วมเห็นว่าไม่สมควรเลื่อนตำแหน่งตรีเพชรให้จำเลยโดยอ้างว่าลูกศิษย์ของจำเลยมีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดจำเลย เห็นว่าข้ออ้างของโจทก์ร่วมไม่ใช่เกิดจากการกระทำผิดเงื่อนไขโดยตรงจากจำเลยเอง

   แต่เกิดจากลูกทีมของจำเลยอย่างไรก็ตามรายได้ของโจทก์ร่วมก็เป็นไปตามเงื่อนไขทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าจำเลยมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาให้เลื่อนระดับเป็นตรีเพชรแล้วแต่โจทก์ร่วมไม่พิจารณาโดยอ้างเหตุลูกของจำเลยขาดคุณสมบัติและทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์ร่วมอาจหลอกลวง

   เพื่อไม่ให้เลื่อนตำแหน่งให้ส่วนโจทก์ร่วมและกรรมการโจทก์ร่วมจะถูกดำเนินคดีตามข้อหาที่แจ้งหรือไม่เป็นที่หน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไปเมื่อข้อความที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริง

       ไม่ใช่ข้อความอันเป็นเท็จจึงถือได้ว่าจำเลยนำข้อความแจ้งต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งให้โจทก์ร่วมและกรรมการโจทก์ร่วมได้รับโทษทางอาญาการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามฟ้องที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องมานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นปรากฎว่ามีผู้เสียหาย
หลายคดีที่ฟ้อง บริษัทมแอมเวย์ มาฟังคำพิพากษาด้วยและจะร่วมกันเดินทางไปขอรื้อฟื้นคดีต่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรรมด้วย

ดรสุกิจ พูนศรีเกษม