…………………########………………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ขอบเขตการพิจารณาคดี การพิจารณาพิพากษาคดี มีกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้บังคับโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมี ชื่อว่า “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธี พิจารณา คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐”เป็นระบบไต่สวน “ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นระบบกล่าวหา ไม่มีอำนาจสอบสวน
คดีของผู้ ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้จะได้ความตามที่ กรมสอบสวบสวนคดีพิเศษได้ให้ข่าว คณะกรรมการการเลือกตั้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการแทนก็ตาม
วิธีการของกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ต้องส่งให้คณะกรรมการเลือกตั้ง พร้อมความเห็นภายใต้กรอบของกฏหมาย ส่วนคณะกรรมกาารเลือกตั้งจะส่งไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองหรือไม่ เป็นดุลพินิจขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ลำพังโพยที่ร้องอ้างว่ามีการ “ฮั่วกัน” คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ต้องผิดนาว่าไอ้โพดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิดหรือไม่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีเส้นทางทางการเงินที่อ้างว่ามีการฮวกกันหรือไม่หากไม่มีพยานหลักฐานก็ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นการสมยอมกันตามข้อร้องเรียนแม้จะมีร่วมประชุมในสถานที่ต่างๆก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นการ“ฮั้ว”กันเสมอไป
หรือกรมสอบสวบคดีพิเศษจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันการทุจริต แห่งชาติตั้งอนุกรรมการไต่สวนภายใน ๓๐ วัน ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ (สารบัญ) พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปราบการทุจริต พศ.๒๕๖๑(หมวดที่๑ (มาตรา ๙-๔๙)
ในส่วนที่ ๒ ตาม มาตรา ๒๘ คณะกรรมการมีหน้าที่ ไต่ส่วน และมีความเห็น มีการกล่าวหาผู้ ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ทุจริตทำการไต่สวนโดยศาลฎีกา แผนก คดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาสำนวนการสอบสอบสวนของ ปปช เป็นหลัก
หากกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินคดีเอง แม้จะอ้างคณะกรรมการคดีพิเศษ Board of Special Case มีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ ก็ตาม บั้นปลายของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับ อดีต อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ธาริต เพ็งดิษฐ์ พี่ถูกศาลพิพากษาลงโทษเพราะไม่มีอำนาจสอบสวน
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม