ดร .วิเชียร ชุปไธสงฆ์ นายยกสภาทนายความ ชี้แจงว่า ได้เสนอแก้กฏหมายร้องจัดการมรดกมาตรา 1713 ตามประมวลกฏหมายแพ่ง
และพาณชย์ ให้ทรัพย์ ตกเป็นของแผ่นดิน เท่านั้น
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
•• ตัวแทนเครือข่ายผดุงเกียรติ วิชาชีพทนาย ความมีหนังสือเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุด หลังจากสภาทนายไม่ช่วยเหลือทนายขอแรง ที่ตกเป็นข่าว •••
“ร้อนถึง ปปช.ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เพราะเงินที่ อัยการสูงสุดนำมาใช้เป็นเงินของแผ่นดิน “
1) นายบุญชัย วสุนธรา ตัวแทนเครือข่ายผดุงเกียรติวิชาชีพทนาย
ความ มีหนังสือเปิดผนึกถึงอัยการ สูงสุดขอเข้าพบครั้งที่ ๑ เรื่องการอัยการแย่งอาชีพทนายความโดยใช้งบประมาณของแผ่นดิน ทั้งที่ อัยการเป็นทนายของแผ่นดิน ควร
ทำหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอัยการเท่านั้น
การที่อัยการ รับสมอ้าง เข้ามาทำคดีร้องจัดการมรดกให้ราษฎร จึงเป็นการแย่งงานทนาย ความ อัยการทำตัวเป็นทนาย จึงผิดพรบ.ทนาย
2) ดร.วิเชียร์ ชุปไธสงนายกสภาทนายความอ้างว่า ได้เสนอแก้กฏหมาย ในคดีร้องจัดการ
มดก โดยให้อัยการมีหน้าที่ร้องเฉพาะในคดีที่ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินได้ เท่านั้น
ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความไม่อายเขา
เหรอครับ ท่านน่าจะเข้าใจกฏหมายคลาดเคลื่อน
ทำไม่ต้องแก้กฏหมาย หรือมีที่ปรึกษาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ในคดีทรัพย์มรดกตกของแผ่นดิน เป็นหน้าที่ของอัยการแผ่นดินอยู่แล้ว
ชึ่งเป็นไปตามหลักกฏหมายสากลทั่วโลก ให้อัยการเป็นผู้ร้อง
ส่วนทรัพย์ มรดกของเอกชน เป็นงานของทนายความทั่วไป
ไม่มีประเทศไหนที่อัยการ มาทำคำร้องเรื่องจัดการมรดกให้กับราษฎร
(จึงต้องเข้าใจ กล้าต่อสู้อัยการ ที่ทำผิดหน้าที่)
3) ข้ออ้างของนายกสภาทนายความที่ออกมาชี้แจงว่า อัยการทำมรดกไม่ถึง 10% ของจำนวน 200,000 (สองแสนเรื่อง) เท่ากับ = 20,000 คดี นั้น
ทั้งที่ รู้ว่า อัยการทำไม่ได้เลย แม้จะทำแค่ 10 % ก็เป็น การกระทำผิดกฎหมาย ชัด ๆ
การเห็นดีเห็นงาม
ไปกับอัยการในการทำผิดหน้าที่ นั้น
จึงเท่ากับว่า คณะกรรม การ สภาทนายความชุดนายวิเชียรยืนอยู่ข้างอัยการสูงสุด โดยไม่สนใจทนายขอแรง
มีลักษณะไม่ช่วยหนุนวิชาชีพทนาย รุ่นน้องๆ! ! !
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม