องค์ประกอบของความผิดฐานฉ้อโกง
………………………\\\\\\………………………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต และนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก สอบวิทยานิพนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง ศึกษากรณีทนายตั้มเกี่ยวกับเงิน 39 ล้าน มีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตั้งแต่แรกหรือหลวงลวงหลังจากได้ทรัพย์ไปแล้ว
๑. องค์ประกอบภายนอก ได้แก่ ก. ผู้กระทำ ข. การกระทำ ค. กรรม
ง. ผลของการกระทำ ๒. องค์ประกอบภายใน ได้แก่ การหลอกลวง โดย (๑) แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ (๒) ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง : ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และมีการโอนไปซึ่งทรัพย์สิน นั้นคือ หลักกฎหมาย
แม้นุจะรับำปคนเดียวก็ต้องดูที่เจตนา ตามข่าวมูลเหตุจูงใจของการที่ทนายตั้มได้เงินไปนั้น “ตั้บแต่แรก” คือ พี่ออ้อย ต้องการนักแสดงต่างประเทศมาเล่นคอนเสิร์ฉลองโรงเรียนที่ปากช่อง ทนายตั๋มจึงรับอาสา และให้“คำมั่น” “สัญญา” ว่าจะทำอะไรในอนาคตแต่มีการยืนยันให้เห็นถึงสภาพจิตใจ/ข้อเท็จจริงปัจจุบันว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่ผู้หลอกลวงพูด “การชักจูง” คือ ชวน แนะนำ ยุยง ส่งเสริม หรือมีส่วนในการตัดสินใจมอบเงินให้ 39 ล้านบาท ย่อมถือว่า “มีเจตนาพิเศษ ”
หลังจากนั้น ทนายตั๋มก็แจ้งกับพี่อ่อยว่า นักแสดงคอนเสิร์ ว่าหากจะให้
มาเมืองไทย ต้องจ่ายเป็นคลิปโต แต่ทนายตั๋มทำไม่เป็น จึงให้พี่น้องร่วมสาบาน อย่างนายนุ เป็นคนนำเงินบาทไปเปลี่ยนเป็นคลิปโต หลังจากนั้น การแจ้งพี่อ้อยว่า คลิปโต จำนวน 39 บาทถูกแฮก ตำรวจบางชื่อบอกว่าทนายตั๋ม พานุกับพวกไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.บางชื่อ
แล้วนำหลักฐานที่แจ้งความ นำไปให้พี่อ้อยดู เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให่แก่พี่อ้อย โดยพานุไปยืนยันต่อพี่อ้อย และนุกับทนายตั๋มมีการทะเลาะกันต่อหน้าพี่อ้อย ด้วย 🏒
ที่ทนายตั๋มอ้างว่าพี่อ้อยมอบเงินให้นุไปดำเนินการเองอีก 39ล้าน เป็นก้อนที่สองโดยทนายตั๋มไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยจึงเป็นพียงข้ออ้างที่ปฎิเสธความรับผิด
ทั้งนี้ นุ การนักแสดงคอนเสิร์ชาวต่างประเทศไม่เคยรู้จักกับนุมาก่อน แม้นุจะรับสารภาพว่าเอาเงินไปคนเดียวว่าตั๋มไม่เกี่ยว โดยกลับคำในชั้นสอบสวน ก็ไม่ทำให้คำให้การของนุเสียในชั้นสอบสวน เพราะคำให้การในชั่นสอบสวนแม้เป็นพยานบอกเล่า แต่นุให้การไปกับพนักงานสอบสวนในขณะนั้น โอกาสที่นุจะปรุ่งแต่งเรื่องให้เป็นอย่างอื่น จึงไม่มี
การกระทำของนุ ก็ไม่ทำใหทนายตั๋ม่พ้นจากความรับผิดฐานฉ้อโกงโดยมีเจตนาตั้งแต่แรกและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามประมวลกฏหมายอาญา 83
ดังนั้นความผิดฐานฉ้อโกงต้องเจตนาหลอกตั้งแต่แรกแต่ถ้าหลอกหลังจากได้ทรัพย์สินไปแล้วจะไม่ถือว่ามีความผิดฐานฉ้อโกง
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม