พนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินคดีกับ”นายบอส” ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดได้ ตามคำสั่งอัยการได้
……………………|||||||||………………;;……
“คดีขาดอายุความ “การเสนอความเห็นต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย”
โดยสุกิจ พูนศรีเกษม
ตามที่นายอรรถพล ใหญ่สุวรรณ ประธานอัยการเสนอความเห็นให้อัยการสูงสุด สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ”นายบอส”นั้นเจตนารมของกฏหมายนั้น ไม่สามารถทำได้
ทั้งนี้ รองอัยการสูงสุด สามารถสั่งให้สอบเพิ่มเติมตามคำร้องของความเป็นธรรมทีมทนาย”นายบอส”ได้ร้องต่อ สนช.ฝ่ายกฏหมายได้หรือไม
เมื่อรองอัยการสูงสุดได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติหน้าที่แทนอัยการสูงสุด ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจ ในการสอบเพิ่มเติมตามคำร้องขอความเป็นธรรมที่ สนช.ชึ่งป็นหน่วยงานของรัฐ ได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุดได้
“นายบอส”ยังไม่ตกเป็นจำเลย “ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่าเป็นผู้กระทำความผิด ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่ายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิอยู่ และไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอตีดอัยการสูงสุดที่ให้ยุติการร้องขอความเป็นธรรม อีกด้วย
เมื่ออัยการสูงสุดคนใหม่มอบหมายให้ปฎิบัติหน้าที่แทน รองอัยการสูงสุดย่อมใช้ดุลยพินิจได้ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ใดก็ได้ มีอำนาจใช้ดุลยพินิจในการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหาหรือเห็นแย้งกับความเห็นอัยการระดับล่างได้
ความเห็นท่านรองอัยการ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ตาย ทีได่รับค่าสินไหมทดแทนเป็นตัวเงินจากผู้ต้องหาจนเป็นที่พอใจแล้ว การสั่งไม่ฟ้องก็หาใช่สั่งตามอำเภอใจ แต่เป็นการสั่งตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไม่เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง อตีดอัยการสูงสุด จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมาย
การที่ประธานอัยการจะเสนอความเห็น ให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ”นายบอส” นอกสำนวนตามความรู้สึกของสื่อออนไล้นไม่ได้
อีกทั้งการดำเนินคดียาเสพติดนั้นต้องอยู่ภายใต้กฏหมายและข้อเท็จจริงเมื่อคณะอัยการตรวจสอบข้อเท็จจริง “เมื่ออัยการตรวจสอบข้อเท็จจริงแถลงว่าคดียาเสพติดที่สื่อโชลเชียลกล่าวหานั้น ไม่ปรากฏในสำนวน จึงเป็นการเสนอความเห็นให้ดำเนินคดี”นอกสำนวนการสอบสวน” โดยฝ่าฝืนต่อกฏหมาย
อัยการสูงสุดไม่มีอำนาจสั่งให้พนักงานงานสอบสวนดำเนินคดียาเสพติดได้โดยชอบอีกทั้งการเสนอความเห็นของประธานอัยการในคดี “เสพ”ชึ่งมีอายุความตามกฎหมายยาเสพติดมาตรา 91 อายุความเพียงห้าปี1ม่ใช่ 10ปีดังที่คณะทำงานอัยการกล่าวอ้างเพราะ ความผิดฐานเสพ มีโทษขั่นต่ำกว่า 1 ปีอัยการสูงสุดย่อมไม่มีอำนาจสังดำเนินคดีในความผิดที่ขาดอายุความได้อีก
นายสมัคร เชาวภานันท์ ทีมทนายของ”นายบอส”ทายาทผู้ผลิตเครื่องดืมชูกำลังกระทิงแดง”ที่ถูกกล่าวหาจากสื่อสังคมว่า”อยู่เบื้องหลังการสั่งไม่ฟ้อง ย่อมมีผลกระทบต่อการประกอบวิชาชีพ
การประกอบวิชาชีพทนายความนั้น ต้องทำเพื่อประโยชน์ของลูกความสูงสุด ที่อ้างว่า “กระทำผิดจริง”ที่ได้ชนผู้ตาย ถึงแก่ความตาย แต่เป็นเหตุสุดวิสัยเป็นเหตุการอย่างกระชั้นชิด
ทนายความจึงเป็นผู้แสวงหาข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน ที่ลูกความมอบหมายด้วยการให้บรรเทาผลร้ายด้วยการชดใช้ให้แก่ทายาทผู้ตายเป็นจำนวนสูงเพื่อมนุษย์ธรรมตามฐานนุรูป เพราะทนายความไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หากให้ลูกความตนเอง”รับสารภาพ”โดยไม่มีความผิดเพื่อตัดปัญหากระแสสังคม
แม้ศาลจะไม่ลงโทษลูกความตนเอง แต่ทนายความ ก็อาจถูกกล่าวหา ผิดมรรยาททนายความได้ ด้วยการกล่าวหาว่า ทำหน้าที่ทนายความไม่สมศักดิ์ศรี ทนายความจึงมีหน้าที่แสวงหาความเป็นธรรมแก่ลูกความตนเอง ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
แต่ถูกสังคมชึ่งเป็นนักกฏหมายประนามว่าเป็น”ทนายโจร” สถานะความเป็นอยู่ของนายสมัคร เชาวภานันท์ ทีมทนาย ของ”นายบอส”อยู่วิทยา นั้น แม้จะเป็นทนายอาวุโสและเป็นครูในโรงเรียนกฏหมาย แต่ทนายคนนี้
ไม่เคยโปร์โมท์ตนเองทางสื่อเพื่อประโยชน์ตนเอง ไม่เคยประกาศทางสื่อว่าจะทำหน้าที่ทนายความด้วยการว่าความให้บุคคลใดบุคหนึ่ง”ฟรี”
ชึ่งอยู่ภายใต้ข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความไม่เคยแทรกแชงตำหนิผู้ประกอบอาชีพเดียวกันให้ได้รับความเสียหาย
แต่ก็ถูกสังคมพิพากษาไปแล้วว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ ปัจจุบันได้ล้มป่วยด้วยการฝ่าตัดสมอ