.
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 18 เม.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีโฆษกพรรคพลังประชารัฐแสดงความกังวลกรณีคดีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือพีช ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว เนื่องจากปรากฏภาพมีความสนิทสนมกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายมีอยู่ และภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้น วิดีโอ และข้อมูลที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามกฎหมาย และไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านพยายามจี้เรื่องนี้ เพราะนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ก็ไปร่วมงานบวชนายสมิทธิพัฒน์ ด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้ไปงานลูกชาย นายกเบี้ยว เพียงอย่างเดียว เวลาสมาชิกหรือใครก็ตามขอให้ไป ท่านก็ไป นายกเบี้ยว เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลูกชายคนโตก็เป็น สส.พรรคเพื่อไทย ในเมื่อสส.จะบวชน้องชาย ก็เชิญนายทักษิณในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมา จนถึงพรรคเพื่อไทย และน.ส.แพทองธาร ก็เป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นการร้องขอให้ไปร่วมงานไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นในทุกจุดที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือญาติมีงานแต่งงาน มีงานศพ หรืองานบวชก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปมองเรื่องความสัมพันธ์พิเศษ เพราะทุกพรรคก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตนอยากให้แยกออกจากกันอย่าไปจับแพะชนแกะ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าได้เห็นบางรายการเล่าข่าว และนำภาพนี้ออกมา และพยายามสื่อว่ามีความสัมพันธ์พิเศษจนทำให้เกิดความกังวลใจ ตนคิดว่า ทุกคนมีสิทธิกังวลได้ แต่ก็ต้องเชื่อมั่นว่าท่านไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ และได้พูดชัดเจนแล้ว ที่ผ่านมาเราไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่ต้องเกรงใจว่าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับเรา อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่มั่นใจว่า นายสมิทธิพัฒน์เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่พ่อกับพี่ชายเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่
เมื่อถามว่าในแง่ของสังคมมีความเป็นห่วงในเรื่องการดำเนินคดี เพราะมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพล นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ผู้มีอิทธิพลสร้างเหตุการณ์ที่มีปัญหาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้ว่าไปตามกระบวนการ จะไปบิดไปเบี้ยวก็อยู่ในสายตาของประชาชน พรรคการเมืองคงไม่ทำอย่างนั้น”