ข่าวประจำวัน » DSI ลุยบี้ฮั้วส.ว. !! ส.ว.สำรองพาชี้ที่เกิดเหตุ จำลองสถานการณ์ตอนฮั้วยกสภา

DSI ลุยบี้ฮั้วส.ว. !! ส.ว.สำรองพาชี้ที่เกิดเหตุ จำลองสถานการณ์ตอนฮั้วยกสภา

26 April 2025
6   0

.

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 เมษายน 2568 ที่อาคาร อิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พันตำรวจโท อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคและโฆษกดีเอสไอ พันตำรวจตรี ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์เสมือนจริงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่ง สว. คดีพิเศษที่ 24/2568

โดยมี พลตำรวจโท คำรบ ปัญญาแก้ว สว.สำรอง ลำดับ 2 กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อันได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย หรืออื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน และเป็นผู้กล่าวหา รวมถึงพยานมาร่วมจำลองเหตุการณ์

พลตำรวจโท คำรบ กล่าวว่า ในการเลือกภาคเช้า ซึ่งเป็นการเลือกรอบแรก ส่วนใหญ่ยังไม่มีอะไรผิดสังเกตมากนัก แต่มีเพียงข้อสงสัยในช่วงขานหมายเลขผู้ได้รับคะแนน จำนวน 10 หมายเลขซ้ำๆ กัน ได้คะแนน 20-30 คะแนน เพราะการจะได้คะแนน 14-15 คะแนน เป็นเรื่องที่ยากมาก

“เพียงแต่จะสังเกตได้จากคนบางกลุ่มที่ใส่เสื้อข้างในสีเหลืองคลุมด้วยแจ็คเก็ตสีดำ และถึงแม้จะได้คะแนนสูงแต่ไม่มีอาการตื่นเต้น รวมถึงบางคนที่ถือแฟ้มคอยจดเวลานับคะแนน”พลตำรวจโท คำรบกล่าว

พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า หลังเสร็จในการเลือกรอบแรก เมื่อตัวแทนผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบไปจับสลากเพื่อเลือกสาย ก ข ค หรือ สาย ง (1 สาย มี 5 กลุ่ม) ระหว่างที่ประกาศว่าใครอยู่สายไหนเสร็จ 

“ทุกคนจะอยู่ในสายไหน ช่วงนี้แหละครับ จากนี้ไปจะเริ่มมีสิ่งผิดสังเกต เนื่องจากพอรู้ว่าตัวเองอยู่สายไหน เราทราบว่า โพยที่ว่า เขาแอบจดลงในสมุดหลังใบแนะนำตัว (สว.3) พอรู้ว่าอยู่สายไหน เขาก็เริ่มจะเอาสมุด สว.3 มาจดโพย เพราะโพยที่ว่า เป็นพูดทั้ง 20 กลุ่ม มันเกินความจำเป็น พอเขารู้ว่าเขาอยู่สายไหน เขาจำเป็นต้องใช้แค่ 5 กลุ่ม ที่จะต้องอยู่ในสายนั้นๆ ก็เริ่มเอาโดยมาลอกกัน พอลอกกันเสร็จปุ๊บ ก็มีคนโวยวายว่า มีคนเอาโพยมาลอก ก็มีการร้องไปยังกรรมการจัดการเลือกจึงประชุมและประกาศว่า ช่วงบ่ายห้ามเอาสมุดสว.3 เข้า จึงเป็นที่มาของการห้ามเอาสมุดสว.3 เข้า เมื่อห้ามเข้าเสร็จปุ๊บ ยิ่งโกลาหลเข้าไปอีก บางคนก็ฉีกสมุด สว.3 บางคนก็แอบจด อีรุงตุงนังไปหมด”พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า

พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า หลังจากนั้นเมื่อได้เวลาเลือกรอบไขว้ ประมาณ 1-2 ทุ่ม กรรมการก็ให้ทุกคนทิ้งไว้ล็อกใครล็อกมัน แม้กระทั่งทรัพย์สินสส่วนตัว ให้เดินมาตัวเปล่า ๆ มาที่กลุ่มของเอง โดยจะมีการแจกสมุด สว.3 ชุดใหม่ให้

“ในระหว่างที่นั่งรอกว่า 1 ชั่วโมง มีการผิดสังเกต เพราะแต่ละคนแอบเอาโพยใส่มา ทำเครื่องหมายกับสมุด สว.3 เล่มใหม่ เบอร์โน้น เบอร์นี้ ถ้ามีกล่องวงจรปิดก็จะเห็นภาพหมด”พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า

พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า เมื่อหย่อนบัตรและกลับมานั่งที่ เสร็จเรียบร้อยก็จะมีการนับคะแนน ซึ่งสิ่งที่ผิดปกติที่สุดตอนนับคะแนน คือ คะแนนที่ออกมามีการซ้ำ ๆ กัน กลุ่มอื่นก็เช่นกัน

พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า เมื่อถึงช่วงเวลา 01.00 -02.00 น. ผู้สสมัครได้รวมกลุ่มกันเพื่อจะไปร้องเรียน โดยนับคะแนนเสร็จสิ้นประมาณ 05.00 น.-06.00 น. ซึ่งพบว่า หีบบัตรกลุ่มที่ 19 ยังมีซ้ำ ๆ กันแบบเดิม จึงได้ถ่ายภาพเก็บไว้ 8-9 ใบ จึงเป็นที่มาของการที่บอกว่ามีการลงคะแนนซ้ำกัน โดยมีการประกาศว่าผู้สมัครคนใดได้คะแนน 10 คนแรก และสำรอง 5 คน

“ระหว่างกลับบ้าน ก็เดินไปเข้าห้องน้ำ มีผู้เดินไปพบโพยชิ้นหนึ่งที่ถูกขย้ำทิ้งอยู่ในห้องน้ำผู้ชาย ก็เลยมีคนถ่ายภาพและเอาไปลงในกลุ่มไลน์ ผมก็ได้ภาพในกลุ่มไลน์นี้มา ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่แล้วว่า คะแนนที่ออกมาแบบนี้ ผมรู้สึกว่า มีความไม่ชอบมาพากล มีการวางแผนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พอผมเอาโพยมาเทียบ ผมจึงพบว่า มันเป็นข้อพิรุธ ที่ผู้ได้คะแนนสูงสุดของทุกกลุ่มเป็นไปตามโพยทุกประการ”พลตำรวจโทคำรบกล่าวว่า

ด้านพันตำรวจตรี ยุทธนากล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง เพื่อเก็บข้อมูลสถานที่เกิดเหตุ และวัตถุพยาน มีการนำกลุ่มพยานนำชี้พื้นที่เกิดเหตุต่าง ๆ เช่น จุดที่พบโพยลงคะแนน จุดที่มีการคุยหารือบริเวณที่กลุ่มผู้ที่ใส่เสื้อสีเหลืองรวมกลุ่ม

พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าวว่า ส่วนการสร้างฉากจำลองย้อนลำดับเหตุการณ์ การขานคะแนน ภาพที่มีการนำเอกสารเข้าคูหา ตามขั้นตอนของการสรรหา สว. กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยกองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบได้นำเทคโนโลยี ระบบ AI Detect การแสดงพฤติกรรมกลุ่มบุคคลที่ปกปิดวิธีการดำเนินการ และความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายในการเลือกตั้ง สว. ด้วยเทคโนโลยี GEO-AI

พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าวว่า การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบภูมิสารสนเทศ (Geospatial Technology) ในการแสดงเหตุการณ์การเลือกตั้ง สว. ระดับประเทศ โดยการใช้เครื่องเลเซอร์สแกน อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เพื่อสร้างแบบจำลองสถานที่เลือกตั้งเป็นแบบ 3D Mapping เหมือนกับเหตุการณ์จริงในวันเลือกตั้ง เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน และนำส่งพยานหลักฐานให้คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อไป

“เราจะใช้เทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ภาพรวม การเดิน กิจกรรมต่าง ๆ แล้วมันจะเห็นออกมาเองว่าใครมีพฤติกรรม พฤติการณ์อย่างไร เป็นใคร” พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าว

พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าวว่า AI มีความเป็นวิทยาศาสตร์ มีความหนักแน่นและน่าเชื่อถือ เมื่อไปสอดคล้องกับพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ หรือ การโอนเงิน จะสามารถทำให้ฟังมีน้ำหนักมากขึ้นในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เป็นการใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย

พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าวว่า ถ้าเราได้ภาพผู้สมัครและผู้ผ่านเข้ารอบมาทั้งหมด ใครอยู่ตรงไหน บริเวณไหน ใครมีพฤติกรรมอย่างไร ทุกอย่าง AI จะจับและวิเคราะห์ได้หมด และดูว่าสอดคล้องกับข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานวัตถุที่เราได้มาหรือไม่อย่างไร

“เบื้องต้นเราพบว่ามีการโชว์บัตรคะแนน ซึ่งสอดคล้องกับโพยที่เราพบว่า มีการกาตรงกันกับโพยที่เราพบ ที่ผู้กล่าวหานำมาให้ว่า ที่พบจากห้องน้ำ ที่พบจากอะไร เราต้องใช้สูตรมาคำนวณวิเคราะห์อีกที และมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มบุคคล ให้มีการได้มาซึ่ง สว.โดยไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่”พันตำรวจตรี ยุทธนากล่าว