จะอยู่หรือจะยุบสภา ?
เจตนารมณ์ในการกำหนดให้ “นายกรัฐมนตรีจะต้องอยู่เพียง 8 ปี” เพราะไม่ต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ในอำนาจยาวเกินไป
โดย วันนั้น ราวปี 2559 พณฯไกรสร ตันติพงศ์ อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส.หลายสมัย ปรามาจารณ์ทางการเมือง ได้ร่างรธน.ตั้งแต่ มาตรา 1 และได้ถามความเห็นผม ในฐานะเลขาท่าน และลูกศิษย์ และแก้ไขกันทุกมาตรา โดยท่านให้คำแนะนำในการเขียนรธน.หลายฉบับ ตั้งแต่ฉบับ ปี 49 / 50 / 60 และร่างกฎหมายหลายฉบับ
ท่านถามผมคิดว่าไง คิดอย่างไรกับมาตรานี้ ที่จะให้นับจากวันที่ สภาผู้แทนลงมติเป็นต้นไป ผมก็เรียนท่านว่าผมเห็นด้วย (ช่วงนั้นอยู่ระหว่างรัฐประหาร ที่ยึดอำนาจโดยพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี )
นั้นหมายความว่า ถ้าคณะทหารที่ยึดอำนาจ หรือฝ่ายใด เข้ามาเป็นนายก จะอยู่ได้ 8 ปี ตามรธน. แต่ จะต้องโหวดโดยสภาผู้แทนราษฏรเท่านั้น ที่โหวดโดยสภานิติบัญัติแห่ฃชาติ ไม่เกี่ยว ทำให้คณะรัฐประหารจะอยู่ในตำแหน่งได้ยาวกว่า 8 ปี เพราะจะไม่นับรวมเวลาที่ดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วงรัฐประหาร
และได้คิดกันล่วงหน้าว่า เมื่อถึงเวลาจะมีพวกนักการเมือง จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นในอนาคต ตามประสาพวกอยากได้อำนาจ ให้ฝ่ายตัวเองเข้ามาปกครอง
ต่อมาได้แก้ไขในมาตราอื่นๆ ตรวจคำผิด หลายสิบครั้ง แล้วจึงส่งตัวร่างรัฐธรรมนูญ ส่งไปให้คุณมีชัย ฤชุพันธ์ ปธ.ร่างรัฐธรรมนูญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง หลังสภานิติบัญัติเหตุเหตุชาติคว่ำรธน.คณะของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ไปหมาดๆ ต่อมาจึงออกมาเป็นร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีการเพิ่มหลายมาตรา จนสามารถทำประชามติผ่านในปี 2560
ส่วนจะสูตร 100 สูตร 500 ผลออกมาเช่นไรก็จะเป็นลบ เพราะแก้รธน.ตั้งแต่ต้น การคว่ำสูตร 500 นั้นชอบแล้ว และควรแก้รธน.กลับมาใช้ บัตรใบเดียวเหมือนเดิมจะเหมาะสมที่สุด
ผมไม่รู้สึกแปลกใจ ที่ปัจจุบันคะแนนนิยมของรัฐบาลจะลดลง จนจะกลายเป็นวิกฤติศรัทธา แค่ปรับ ครม.ทุกอย่างก็จะดีขึ้น แล้วจึงปรับเกมเป็น “รุกเพื่อรบ” เพราะ “ผู้ชนะคิดก่อนรบ ผู้แพ้รบก่อนจึงคิดชนะ” จะอยู่ต่อหรือยุบสภาต้องตัดสินใจเอง ด้วยความปราถนาดี
“ การเมืองคือการแสวงหาอำนาจ นักการเมืองคือนักแสวงหาอำนาจ อำนาจที่ยิ่งใหญ่คืออำนาจในการปกครองประเทศ ประชาชนจึงต้องรู้จักนักการเมือง และพรรคการเมืองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะมอบอำนาจให้กับนักการเมือง “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
10 สิงหาคม 2565
