สร้างความเข้าใจกรณี นาย ฮัมดี โตะมะ
จากกรณีนาย ฮัมดี โตะมะ บุคคลต้องสงสัยจากเหตุความมั่นคงในพื้นที่ จชต. กระชากพวงมาลัยรถเจ้าหน้าที่ เพื่อหลบหนีขณะเจ้าหน้าที่กำลังนำตัว นาย ฮัมดีฯ จาก สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ไปส่งที่ ศปก.ตร.สน. อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้รถเกิดอุบัติเหตุส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ต่อมา นาย ฮัมดีฯ ได้เข้าแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 67 และได้มีสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งคาดว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกล่าวโจมตีบิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในด้านต่างๆ โดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน ดังนั้น กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อกรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้าควบคุมตัว นาย ฮัมดี โตะมะ ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี,อ.ปะนาเระ, อ.ยะหริ่ง และปล้นเงินพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาปาลัส จำนวน 1.2 ล้านบาท โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักใน ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
จากนั้น ฉก.ทพ.44 ได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.ทุ่งยางแดง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. กฎอัยการศึกฯ และเชิญตัวนาย ฮัมดีฯ ไปยัง ศูนย์ซักถาม ฉก.ทพ.43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามในขั้นต้น จากผลการซักถามนาย ฮัมดีฯ ให้การยอมรับว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จำนวน 7 เหตุการณ์ประกอบด้วย
1.เหตุประกบยิง น.ส.กันยารัตน์ ขุนนอก และนางเอกปิยะ รัตนปรี ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 5 เม.ย.57
2.เหตุยิง น.ส.ลออ พรมจินดา เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 15 พ.ค. 57 โดยทำหน้าที่ขับรถ จจย. ให้กับมือปืน
- เหตุยิง อส.ทพ.ภูมิศักดิ์ เย็นทั่ว เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 15 พ.ค. 57 โดยทำหน้าที่ขับรถ จจย. ให้กับมือปืน
- เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถบรรทุกเก็บขยะ ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 21 มิถุนายน 2565
5.เหตุปล้นเงินพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาปาลัส เมื่อ 18 พ.ย. 67
6.เหตุลอบวางระเบิดในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ต.เกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อ 22 มี.ค. 67
7.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์บริเวณถนนระหว่าง สภ.ปะนาเระ กับที่ว่าการ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 24 ต.ค.2567
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นาย ฮัมดีฯ ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี และนำกลับมาควบคุมตัวตาม พรก.ฉุกเฉิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการกรรมวิธีซักถามขยายผลเกี่ยวกับการกระทำความผิดทั้ง 7 เหตุการณ์ ดังกล่าวที่ ศปก.ตร.สน. อ.เมือง จ.ยะลา โดยใช้เส้นทางหมายเลข 418 เมื่อรถมาถึงบริเวณพื้นที่ ต.คอลอตันหยัง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นาย ฮัมดีฯ ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางเบาะหลัง ได้กระโจนไปดึงพวงมาลัยรถ ทำให้รถยนต์ประสบอุบัติเหตุชนราวสะพานข้างทาง และนาย ฮัมดีฯอาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่บาดเจ็บหลบหนีไปได้ ส่วน จนท.ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย และเสียชีวิต 1 นาย ประกอบด้วย - ร.ท.ธงภักดิ์ ศุกรวัชรินทร์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณสะโพก ปัจจุบันรักษาตัวที่ รพ.ปัตตานี
- ส.ท.ชวลิต กิตติพันธ์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ไม่แตก ปัจจุบันรักษาตัวที่ รพ.ปัตตานี
- อส.ทพ.ณัฐวุฒิ อุ่นหล้า ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายและมีอาการแขนหัก รักษาตัวขั้นต้นที่ รพ.ปัตตานี และนำส่ง รพ.สงขลานครินทร์
- อส.ทพ.ไพโรจน์ ปราบปราม ได้รับบาดเจ็บบริเวณคอและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ต่อมาเมื่อ วันที่ 26 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 1800 นาย ฮัมดีฯ ได้เข้าไปแสดงตัวที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากการตรวจสอบร่างกายเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลบริเวณแขนขวา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งจัดหาอาหารและน้ำดื่มให้เป็นการด่วนเนื่องจากนาย ฮัมดีฯ อยู่ในอาการบาดเจ็บ อ่อนเพลีย และหิวโซ พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่นับได้ว่า เป็นการปฏิบัติตามหลักกฎหมาย หลักมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าบุคคลดังกล่าวจะมีพฤติกรรมเช่นใดมาก่อน แต่เมื่อตรวจพบว่าอยู่ในสภาพบาดเจ็บจึงต้องให้การช่วยเหลือให้พ้นขีดอันตรายเป็นอันดับแรก รวมทั้งการที่ นายฮัมดีฯ เลือกที่จะเข้าไปแสดงตัวต่อ เจ้าหน้าที่ อส.ชคต. นั้น ย่อมแสดงว่า นายฮัมดีฯ มีความเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่ว่าจะไม่ทำร้ายและให้การคุ้มครองตนเองได้อย่างแน่นอน นับเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ สามารถเป็นที่พึ่ง และเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้ในทุกโอกาส
อย่างไรก็ตามได้มีสื่อสังคมออนไลน์พยายามกล่าวหาชี้นำสังคม บิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีความโปร่งใส เจ้าหน้าอยู่ในอาการมึนเมา และพยายามขู่ฆ่า นายฮัมดีฯ ตลอดเวลา รวมทั้งในระหว่างการหลบหนี นายฮัมดีฯ ได้แย่งชิงอาวุธของเจ้าหน้าที่ไปด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ยิงปืนใส่ จึงจำเป็นต้องหนี โดยคำกล่าวอ้างดังกล่าว เป็นคำกล่าวที่เลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานและมูลความจริงแต่อย่างใด อีกทั้งขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างโปร่งใสชัดเจน รวมทั้งในวันดังกล่าว ไม่มีอาวุธของเจ้าหน้าที่สูญหายและไม่ได้ทำการยิงปืนออกไปแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทุกนายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงกระแทกของรถยนต์และไม่ได้อยู่ในภาวะเตรียมตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่งผลให้ให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอให้พี่น้องประชาชนได้ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลที่รับทราบจากสื่อในช่องทางต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำพาความสงบและสันติสุขอย่างยั่งยืนมาสู่พื้นที่ จชต. ต่อไป