นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …
เคารพในตัวคุณวิโรจน์ ซึ่งก็เป็นคนมีความสามารถและพร้อมชน ตามแคมเปญที่ว่าไว้ การมาลงผู้ว่าฯ ก็มีต้นทุน ประเทศต้องเสีย ส.ส. ที่อภิปรายดีไปคนนึง เสียเก้าอี้ฝ่ายค้านไปฟรีๆ หนึ่งที่นั่งในยามที่สภาสั่นไหว
ใครจะครหาว่าตัดคะแนนกันเอง ไม่มียุทธศาสตร์นั้น ก็ว่ากันไป ก็แล้วแต่พรรคจะตัดสินใจยังไงก็เรื่องของเขา
แต่ติดใจการวางแคมเปญที่ปูมายาวเป็นเดือน ปูมาแบบมั่นใจมาก แต่ละคนในพรรคบอกเหมือนกันให้รอวันที่ 23 พูดเหมือนจะยิ่งใหญ่ เปิดมาต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ บอกว่า “ใหม่ ชัด โดน” พอเปิดมาที่แน่ๆ เลยคือไม่ “ใหม่” ละ
เข้าใจได้ว่า พรรคอาจจะไม่มีคนที่ดีกว่า เด่นกว่านี้ กล้ามาลงกับพรรคที่ท้าชนกับสถาบันฯ จะถูกยุบเมื่อไรไม่รู้ และไม่มีเงินจะให้ แต่ถ้าคนของพรรครู้อยู่แล้วว่า จะเป็นวิโรจน์ จะบิ๊วแคมเปญมายาวนานทำไม แทคติกพีอาร์ที่เหมือนจะแหลมคม ทำให้เกิดบทสนทนากันได้ทุกโต๊ะ คนก็สนุกที่ได้คาดเดากันต่างๆ แต่พอเปิดมาแล้วมันไม่ใหม่ ไม่เซอร์ไพรส์ ไอ้ความพยายามที่บิ๊วให้คนอยากรู้เลยกลายมาเป็นเข็มกลับมาทิ่มแทงตัวเอง ว่า “โถ… ก็ไม่มีอะไร”
ได้ผลตรงกันข้ามกลายเป็นภาพลักษณ์ว่า เป็นพรรคที่ไม่มีตัวเลือก ไม่มีของใหม่แล้ว แต่วางตัวน่าหมั่นไส้ เหมือนใหญ่โต
ถ้ารู้ว่าไม่มีตัวเลือกใหม่แล้ว ก็ควรจะวางแผนเปิดตัวธรรมดาๆ ขายนโยบาย ขายความตั้งใจ อย่าขายตัวคน อย่าขายว่าหน้าตาดี
ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร แต่เห็นว่าแผนพีอาร์งวดนี้จะทำพรรคล่มจม
ผู้จัดการไอลอว์ โพสต์ด้วยว่า คำว่า “คนกรุงเทพ” มีมิติที่ซับซ้อนมากมาย
ผมเป็นคนที่เกิดในกรุงเทพมหานคร เรียนอนุบาล ประถม มัธยม และมหาวิทยาลัยในกรุงเทพโซนเมืองเก่า เขตพระนคร-ดุสิต แต่เมื่อทำงานมาใช้ชีวิตโซนเมืองใหม่ เขตห้วยขวาง-ลาดพร้าว กว่าสิบปีแล้ว วิถีชีวิต วิธีคิด และความต้องการของคนในสองโซนต่างกันมากทั้งที่ห่างกันแค่สิบกิโล
ยังไม่นับเพื่อนที่อยู่เขตบางแค บางนา หนองจอก ดอนเมือง ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนกันเลย บางคนทะเบียนบ้านอยู่ชานเมืองแต่ใช้ชีวิตทั้งหมดในเมือง บางคนทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพ แต่ตัวไม่อยู่ (มาฝากลูกเข้าโรงเรียนดัง) ดังนั้น การบอกว่าจะทำเพื่อ “คนกรุงเทพ” มันเป็นอะไรที่ยากมาก ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากจุดไหนบ้าง ชี้วัดลำบาก เพราะไม่มีอะไรที่ทำอย่างเดียวหรือสองอย่างแล้วคนทุกคนในกรุงเทพได้ประโยชน์ไปพร้อมกันได้
แฟนผมเรียนจุฬาจบมาก็อยู่กรุงเทพด้วยกันมา 5 ปี รวม 10 ปีแล้ว แต่ทะเบียนบ้านอยู่ชลบุรี เพื่อนสมัยมหาลัยใช้ชีวิตด้วยกันในกรุงเทพ เรียนเล่นเที่ยวทำกิจกรรมในกรุงเทพมา 35 ปี บ้านมันนั่งรถเมล์ไปนิดเดียวก็ถึงเรียกนนทบุรี รปภ.ที่บ้าน อยู่ห้องเช่าใจกลางกทม. ใช้ชีวิตมาหลายปี มีสัญชาติลาว ทะเบียนบ้านอยู่ลาว
ในเมืองหลวงแห่งนี้มีคนจากทุกจังหวัดและหลายประเทศมาอยู่อาศัยรวมกัน ยอมมาใช้ชีวิตอยู่อย่างแออัด ยอมทำงานที่ไม่อยากทำ ดิ้นรนเพื่อหาโอกาสจะมีชีวิตที่ดีกว่า โดยหวังว่าวันหนึ่งจะสะสมทรัพย์สินมากพอได้ “กลับบ้าน” แต่นานเข้าๆ ก็ยังไม่ได้กลับ
พวกเขาทุกคนต้องการชีวิตที่ดี ชีวิตที่ลงตัว ต้องการอาหารราคาถูกที่สะอาดปลอดภัย ต้องการไฟฟ้าน้ำประปา อากาศบริสุทธิ์ ต้องการทางเท้า ต้องการคลองน้ำใส ต้องการพื้นที่สีเขียว ต้องการเดินไปโรงเรียนได้ ต้องการระบบสาธารณสุขที่ใกล้บ้านและฟรี ฯลฯ เหมือนและเท่าๆ กับคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนี้แหละ
แต่พวกเขาไม่มีสิทธิเลือกอะไรในเมืองนี้ด้วย
และคนที่หาเสียงก็อาจจะไม่ต้องคำนึงถึงพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่จะลงคะแนนให้
ดังนั้น ในฐานะที่มีสิทธิกา ก็อยากจะกาให้กับผู้สมัครผู้ว่าฯ ที่หยุดพูดว่าจะทำเพื่อ “คนกรุงเทพ” แล้วลงมือทำไอ้สิ่งที่มันควรจะทำซะ มีความฝันอยากเห็นอะไรก็ขายออกมาชัดๆ แล้วก็ทำไปเพื่อทุกคนนั่นแหละ!
ถ้าทำอะไรให้มันดีขึ้นมาได้สักอย่าง ทุกคนก็ได้ประโยชน์ไปพร้อมกันไม่ว่าทะเบียนบ้านจะอยู่ที่ไหน แล้วทั้งหมดมันก็จะเดินไปข้างหน้าได้อยู่ดีนั่นเอง