ศาลแขวงเชียงใหม่พิพากษาคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงานของ ‘หมุน ประเทศทวย’ หรือ พึ่งบุญ ใจเย็น ศิลปินช่างสัก กรณีตะโกนด่า พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ ระหว่างชุมนุมที่ท่าแพ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 63 พิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมประพฤติ
15 ส.ค. 2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (15 ส.ค. 2565) ศาลแขวงเชียงใหม่นัดฟังคำพิพากษาคดี ‘หมุน ประเทศทวย’ หรือ พึ่งบุญ ใจเย็น ศิลปินช่างสักชาวเชียงใหม่เจ้าของลายสักประเทศทวย ในคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หลังพ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ ผู้เสียหายฟ้องในข้อกล่าวหาว่า หมุน ประเทศทวย ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 จากกรณีตะโกนคำว่า “ควย” พร้อมสไลด์สเก็ตบอร์ดไปรอบรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในระหว่างการชุมนุมของนักศึกษาประชาชน เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2563 ที่ลานท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่ตำรวจใช้เครื่องเสียงประกาศ อ้างว่าการชุมนุมเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จนสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมตะโกนโห่ร้องใส่
คดีนี้นับเป็นคดีข้อกล่าวหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานคดีที่ 2 ที่หมุน ประเทศทวย ถูกกล่าวหา โดยในคดีแรกเกิดจากเหตุลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่เป็นการชุมนุมคนละเหตุการณ์กัน คือคดีจากการชุมนุมที่ประตูท่าแพ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2563 โดยศาลแขวงเชียงใหม่และศาลอุทธรณ์พิพากษาว่ามีความผิดในคดีแรก ลงโทษจำคุก 1 เดือน แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี
‘หมุน ประเทศทวย’ หรือ พึ่งบุญ ใจเย็น
สำหรับคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงานคดีที่ 2 นี้ ศาลมีการสืบพยานโจทก์และจำเลยไประหว่างวันที่ 26-27 พ.ค. 2565 ข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลย ได้แก่ หากจะเป็นความผิดตามข้อกล่าวหา “ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่” จะต้องเป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่จากกฎหมายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างและใช้ในการประกาศเตือนประชาชนในวันเกิดเหตุนั้น ไม่ได้ระบุขอบเขตไว้อย่างชัดเจนว่าตำรวจเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่เพียงใด ทำให้ความเป็นเจ้าพนักงานตามข้อกล่าวหายังไม่ชัดเจน อาศัยเพียงสถานะความเป็นเจ้าพนักงานตำรวจนั้น ยังไม่เพียงพอจะอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้