เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 1 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิบวิดิโอของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชนประจำคณะก้าวหน้า
ในเนื้อหาคลิป นางสมพร ระบุถึงกรณีกรมที่ดิน มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. ในจ.ราชบุรี ของนางสมพร และบุตรอีก 2 คน คือ น.ส.ชนาพรรณ และนายธนาธร เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวรว่า เสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่างๆ ไปพาดหัวว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รุกที่ป่า กินป่า เพราะนี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงสำหรับตนและครอบครัว ที่ทำมาหากินสุจริตและตั้งใจช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลังมาตลอด และขอโอกาสชี้แจงเพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม
นางสมพร กล่าวต่อว่า ตนไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก โดยเอกสารสิทธิ์ที่ดินออกตั้งแต่ปี 2521 โดยกรมที่ดิน มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาในปี 2533 ตนได้รับการแนะนำจากนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งในสมัยนั้นเป็นนักการเมืองสำคัญในบ้านเมืองให้มาซื้อที่ดินจากบริษัทมิตรผล ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งนายกมล ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิตรผล เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี เมื่อเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อ เป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดเลยว่าที่ดังกล่าวจะผิดกฎหมาย
“ดิฉันยืนยันว่า ครอบครัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. ตอนที่ดิฉันซื้อที่ดิน ก็มีเอกสารสิทธิ์รับรองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อขายมาหลายทอดแล้ว และดิฉันไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ์ให้ ที่ดินก็เป็นที่ของบริษัทใหญ่ มีเครดิตดี คนแนะนำเป็นนักการเมืองใหญ่ เอกสารสิทธิ์ก็มีเรียบร้อย เราจึงไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหาอะไรทางกฎหมาย” นางสมพร กล่าว
นางสมพร กล่าวถึงกรณีมีสื่อบางสำนักเสนอข่าวนางสมพรเคยมีบันทึกกับกรมที่ดินว่ารับทราบอยู่แล้วว่าที่ผืนนี้เป็นที่ป่าว่า เอกสารฉบับนี้เนื้อหาระบุแค่ว่า ตนรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อาจเป็นหรือไม่เป็นที่ป่าไม้ถาวรก็ได้ บันทึกถ้อยคำดังกล่าว สำนักงานที่ดินทำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนฟ้อง ถ้ามีการเพิกถอนสิทธิ์ในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้กรมที่ดินก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าหรือไม่ แล้วตนเป็นราษฎรธรรมดาจะทราบได้อย่างไร
“ดิฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปีไม่เคยมีปัญหา กระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนข้อหาคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวดิฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องราวเป็นคดีใหญ่โต ดิฉันยืนยันว่าที่ผืนนี้ ซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิ์เรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ดิฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ดิฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวดิฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด” นางสมพร กล่าว