4 ปีรัฐบาลปฏิรูปเหมือนไม่ปฏิรูป เดินตามรอยเดิมการเมืองน้ำเน่า สืบทอดอำนาจ-ดูดสส.
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมงานเสวนา 4 ปี รัฐประหารกับการปฏิรูปประเทศไทย โดยแสดงความเห็นว่าแนวคิดการปฏิรูปเริ่มแผ่วลง และผลลัพธ์ 4 ปีด้านการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นมีลดลงแค่ปีแรก แต่หลังจากนั้นกลับเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในระดับภูมิภาค ระดับท้องถิ่นมีเพิ่มมากขึ้น
“จึงสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้วางระบบกลไกการปราบปรามอย่างจริงจัง และสิ่งที่รัฐบาลทำช่วงแรกเป็นการทำแบบฉาบฉวยเท่านั้น ดังนั้นหากจะปฏิรูปจากรัฐบาลคงทำได้ยาก นอกจากพลังจากภาคประชาชน จะช่วยขับเคลื่อนตรวจสอบทุจริต” นายพิชาย กล่าว
นายพิชาย กล่าวว่า จุดเด่นการปฏิรูปการเมือง คือ การไม่ปฏิรูป เพราะได้เดินตามรอยเดิมในระบบการเมืองเก่ามาตั้งแต่การวางระบบกลไกในรัฐธรรมนูญ อย่างการเมืองน้ำเน่าใน ครม.สัญจร ที่มุ่งสร้างภาพลักษณ์ นำงบประมาณลงท้องถิ่น ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลก่อนมีรัฐประหาร รวมทั้งการสืบทอดอำนาจ การดูด สส.ก็เป็นการเมืองล้าหลัง
อย่างไรก็ตาม นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาการปฏิรูปมีทั้งความก้าวหน้าและติดขัดหลายเรื่อง เมื่อดูจากปัญหาที่ผ่านมาแล้วจะหวังให้การปฏิรูปเกิดภายใน 4 ปีไม่ได้ เพราะจะต้องแยกการเมืองออกจากการปฏิรูป ที่ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลจะต้องดำเนินการปฏิรูปประเทศ
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวถึงกระแสพลังดูดของรัฐบาลที่ดึงนักการเมืองมาเป็นแนวร่วมด้วยว่า เมื่อรัฐบาลมุ่งหวังในการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะด้านการเมือง จะต้องสร้างตัวอย่างที่ดีในทางการเมือง แต่แน่นอนว่าการลงพื้นที่จะต้องเจอกับเจ้าถิ่น เจออดีต สส. กลุ่มการเมือง จึงเป็นการต้อนรับขับสู้
ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความเคลื่อนไหวจากหลายกลุ่มการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐมีความเคลื่อนไหวอย่างหนัก ได้รวบรวมนักธุรกิจ อดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการ ไปเป็นแนวร่วม
สำนักข่าววิหคนิวส์