ไลฟ์สไตล์ » ผู้หญิง » #4 ข้อคิดชีวิตคู่ก่อนแต่งงาน จากหนังดัง Fifty Shades ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง

#4 ข้อคิดชีวิตคู่ก่อนแต่งงาน จากหนังดัง Fifty Shades ความรักไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง

3 February 2018
574   0

ถึงหนังรักโรแมนติกติดเรทอย่างเรื่อง Fifty Shades จะถูกวิพากวิจารณ์และถูกแบนในหลายๆ ประเทศ เพราะเนื้อหาที่แรงจนบทภาพยนตร์ถูกหั่นแหลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Fifty Shades เป็นภาพยนตร์เอาใจแม่บ้านกระแสดีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำรายได้ถล่มทลาย กลายเป็นภาพยนตร์สุดฮิตที่ทำให้นักแสดงนำและผู้กำกับ ต่างเป็นที่รู้จักของคนดูทั่วโลก

sanook-โดยภาคล่าสุดในตอนที่ชื่อว่า Fifty Shades Freed ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 8 ก.พ.นี้ จะเป็นจุดไคลแม็กซ์ครั้งสุดท้ายของ คริสเตียน เกรย์ และ แอนัสเตเชีย หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานและไปฮันนีมูนกัน ซึ่งเราไม่สามารถบอกได้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร นอกจากแฟนหนังจะไปดูให้เห็นกับตาด้วยตนเอง

แต่ที่ Happy wedding.Life เราบอกได้ก็คือ Fifty Shades ตลอดทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมานั้น ความรักระหว่างมิสเตอร์เกรย์และแอนัสเตเชียไม่ได้จะมีแค่เรื่องบนเตียงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากกับการใช้ชีวิตหลังแต่งงานของคู่รักทุกคู่ด้วยเช่นกัน มาดูว่าสาวเรียบร้อย ทำไมถึงเอาพ่อหนุ่มสุดฮอตอย่างมิสเตอร์เกรย์อยู่หมัด หลังแต่งงานสามียังไม่กล้าเจ้าชู้อีกด้วยล่ะ อุ๊ป! แอบสปอยล์เบาๆ

1. ความรักกับเรื่องบนเตียงต้องไปด้วยกันได้

ความรักกับเซ็กส์เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องไปด้วยกัน หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่ารักแค่ไหน ยังไงเรื่องเซ็กส์ก็ต้องไปด้วยกันได้ การปรับจูนเรื่องเซ็กส์ของคู่แต่งงานใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ มีคู่รักมากมายที่เลิกกันเพราะเซ็กส์ที่เข้ากันไม่ได้ แม้แต่ความรักของมิสเตอร์เกรย์กับแอนัสเตเชียเองก็มีปัญหาเรื่องเซ็กส์เช่นกัน

ในเรื่อง Fifty Shades of Grey มิสเตอร์เกรย์กับแอนัสเตเชียต่างก็มีความชอบเรื่องบนเตียงแตกต่างกัน มิสเตอร์เกรย์ชอบเพศสัมพันธ์แบบซาดิสต์ ขณะที่แอนัสเตเชียไม่เข้าใจกับเพศสัมพันธ์ที่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บปวด จึงทำให้เธอเว้นระยะห่างจากความสัมพันธ์ที่ไม่ปกตินี้ ก่อนที่แอนัสเตเชียและมิสเตอร์เกย์จะเปิดใจยอมรับเซ็กส์ในแบบของกันและกัน (มิสเตอร์เกรย์ยอมมีเซ็กส์ ‘วนิลา’ แบบธรรมดาตามที่แอนัสเตเชียต้องการ)

2. ถึงจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อยก็ต้องรู้จักอ่อยสามี รู้จักที่จะรุกและรับอย่างพอดี 

มีผู้หญิงมากมายเขินอายกับเซ็กส์นอกสถานที่กับสามี ไม่กล้าที่จะเริ่มก่อน เพราะค่านิยมของไทยคือผู้หญิงต้องสงวนท่าที ซึ่งในยุดสมัยนี้ถ้ามัวแต่รอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายรุก เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ อาจจะได้อยู่แต่บนหิ้ง จนทำให้ชีวิตรักและเรื่องบนเตียงกลายเป็นความจืดชืดที่ไม่เร้าใจเหมือนใหม่ๆ แล้วก็ได้

ฉะนั้นสาวๆ ทั้งหลายจึงต้องจำไว้ว่า “การเป็นเฟมินิสต์ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอยู่เหนือผู้ชายเสมอไป มันไม่ได้หมายถึงคุณจะต้องคุมเกมบนเตียงตลอดเวลา” ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นสาวหงิมๆ เรียบร้อยก็ใช้ตรงนี้มาเป็นเซ็กส์ให้สามีเกิดความต้องการในตัวคุณได้ เหมือนอย่างอนาสตาเซีย ที่ดูเรียบร้อย แต่อ่อยมิสเตอร์เกรย์อยู่ไม่น้อยนะจ้ะ ไปดูที่ข้อความที่เธอแชทคุยกับคริสเตียน เกรย์ แล้วจะรู้ว่าเธอก็ร้ายเงียบไม่เบาเลย

3. ต้องรู้จักดูแลตัวเองให้สวยแซ่บอยู่เสมอ

เขาบอกว่าความรักทำให้คนสวยขึ้น ก็จริงค่ะ แต่ต้องไม่หยุดสวยด้วย ไม่ว่าคุณจะมีสามี แต่งงาน มีลูกแล้วก็ตาม เพราะการดูแลตัวเองและรูปร่างให้ฟิตแอนเฟิร์มอยู่เสมอ ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์จนสามีหวง แต่ยังสัมพันธ์กับอารมณ์ความต้องการทางเพศ

ในเรื่อง Fifty Shades of Grey มีสัญญาทั้งสิ้น 25 ข้อที่เกรย์ต้องการให้อนาสตาเซียเซ็นยินยอม หนึ่งในนั้นคือเธอออกกำลังกายดูแลรูปร่าง เพื่อให้เธอแข็งแรงและพร้อมกับเซ็กส์ที่ยาวนานและหนักหน่วงของเขาอยู่เสมอ (เกรย์เป็นคนหนุ่มที่ออกกำลังกายทุกเช้า งั้นไม่ต้องแปลกใจทำเขาถึงฟิตขนาดนั้น) ซึ่งอนาสตาเซียเองหลังจากมีความรักกับเศรษฐีหนุ่มก็สวยขึ้นผิดหูผิดตาทีเดียว

4. ชีวิตคู่คือการเติมเต็มความไม่เพอร์เฟคของกันและกัน

มิสเตอร์เกรย์ถึงจะเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่มีความเพอร์เฟคในภายนอกทุกอย่าง แต่ภายในจิตใจ เขากับไม่ใช่คนเพอร์เฟค แต่ด้วยความที่เป็นบทภาพยนตร์ ผู้กำกับต้องกระชับเนื้อหา เอาแต่เมนหลักและจุดขายของเรื่อง ทำให้ความรักของเกรย์และอนาสตาเซีย

ในเรื่อง Fifty Shades ดูจะให้ความสำคัญกับเรื่องเซ็กส์เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครได้อ่านวรรณกรรมฉบับนิยมมาถึงตอนสุดท้าย จะเข้าใจว่าทำไมเกรย์ถึงรักอนาสตาเซีย และอนาสตาเซียจึงขาดมิสเตอร์เกรย์ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเพราะเงิน ความโก้หรู หรือเพราะเซ็กส์ที่เริ่มจะคล้ายกันขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะทั้งคู่สามารถเติมเต็มความไม่เพอร์เฟคของกันและกันได้อย่างลงตัว ต่างฝ่ายต่างก็แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่ออีกฝ่ายได้ ถ้ามันจะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวและรักกันไปนานๆ เขาและเธอก็พร้อมเปลี่ยนแม้จะค่อยๆ เริ่มที่ละเล็กละน้อยแบบที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยก็ตาม

ถึงหนังจะเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ทำเอาหลายๆ คนสายหน้าและไม่สนใจ แต่ข้อคิดจากในหนังเรื่องนี้ ก็ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้คู่รักคู่แต่งงานได้มีข้อคิดดีๆ มีทัศนคติใหม่ๆ รู้จักเปิดใจแล้วนำเอาไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตคู่ ให้ชีวิตแต่งงานไม่จืดจาง ก็ถือเป็นอีกแนวทางของการดูหนังให้เกิดประโยชน์ได้เช่นกัน

สำนักข่าววิหคนิวส์