ในโลกใบนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ มั่นคงและยืนยาวตลอดไป มีคู่รักมากมายที่ต้องเลิกรากันไปถึงแม้จะรักกันมากมายขนาดไหน โบราณเชื่อกันว่าหากคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันไป แต่น่าเสียดายที่ชีวิตเราไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เราจึงควรหยุดคิดและถามใจตัวเองกันบ้างว่าคนที่อยู่ข้างๆ คุณตอนนี้คือคนที่ใช่สำหรับคุณจริงๆ หรือเปล่าเราลองมาดูกันคะ
1. ต่อล้อต่อเถียงกันอยู่บ่อยๆ
แน่นอนว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตคู่ และยังช่วยยกระดับความสัมพันธ์ได้ในภายหลังด้วย แต่หากความขัดแย้งเกิดขึ้นบ่อยครั้งแล้ว คุณก็ต้องพิจารณาตัวเองกับคนรักกันดีๆ แล้ว มีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างการโต้เถียงกับคำพูดทำร้ายจิตใจ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดหายนะจนถึงขั้นนำไปสู่การทำร้ายร่างกายได้
คุณควรจะทบทวนตัวเองให้ดีว่า ต่อไปตัวเองจะกลายเป็นคนแบบไหน? ชีวิตจะเป็นยังไงในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เมื่อความรักจืดจางลง สิ่งที่หลงเหลืออยู่จะมีแต่การทะเลาะวิวาทหรือเปล่า? ลองร่างภาพคุณกับคนรักในจินตนาการเอาไว้และไตร่ตรองดูค่ะว่าชีวิตรักในอนาคตจะกลายเป็นอย่างไร
2. หึงหวงไม่เท่ากับรัก
เรามักได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ยิ่งหวงมากก็ยิ่งรักมาก แต่จริงๆ ไม่ใช่เสียเลยทีเดียว จะหึงจะหวงก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง เช่น คู่รักมีเหตุจำเป็นต้องติดต่อหรือทำงานกับใครสักคนก็ไม่ได้หมายความว่าเขาหรือเธอต้องมีความสัมพันธ์ด้านชู้สาวกันเสมอไป คนเรามักเห็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น มีปัจจัยมากมายที่จะทำให้ลดช่องว่างระหว่างความรักลง แต่ความหึงหวงก็สามาบ่อนทำลายทุกอย่างลงได้เช่นกัน
3. ระยะทาง
จะไปเรียน ไปทำงาน ระยะทาง และการแยกจากกันเป็นเวลายาวนานก็เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์อย่างมาก ยิ่งห่างกันนานเท่าไหร่ก็จะมีเวลาพบปะกันน้อยลง อยู่กับตัวเองมากขึ้น ความสัมพันธ์เริ่มเลือนรางลง การเห็นหน้ากันผ่านกล้อง การได้ยินเสียงผ่านโซเชียลก็ไม่เพียงพอที่จะรักษาความสัมพันธ์เอาไว้
4. กังขาในตัวคุณ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการสงสัย และตั้งคำถามกับชีวิตคู่เกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ในคู่ที่รักกันมั่นคง เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ ยิ่งอยู่ด้วยกันนานก็จะยิ่งเชื่อใจกันมากขึ้น แต่หากยังคงเคลือบแคลงใจอยู่ คงมีอะไรผิดแปลกอยู่ในชีวิตแน่ๆ หรืออาจเป็นตัวคุณเองที่มีอดีตที่ไม่น่าจดจำหรือสาเหตุอื่นๆ ซึ่งควรไม่ละเลยมันไป
5. เป้าหมายชีวิตที่ขัดแย้งกัน
ความสัมพันธ์อาจจะเป็นไปด้วยดีตอนที่ยังเรียนอยู่ในที่เดียวกัน แต่เมื่อคุณทั้งคู่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน เวลาที่อยู่ร่วมกันก็จะยิ่งน้อยลง ห่างเหินกันมากขึ้นจนกลายเป็นเฉยชาในที่สุด ชีวิตคู่อาจจะไปรอดถ้าคุณสามารถวางแผนชีวิต กำหนดเวลาที่จะใช้ร่วมกัน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเจอใครสักคนที่เข้ากับคุณได้ 100% ทั้งในเรื่องการวางแผนครอบครัว การแบ่งหน้าที่กันในบ้าน การเลี้ยงดูลูกๆ การศึกษา และค่านิยม
ถ้าหากคุณทั้งสองคนมีความแตกต่างกันสุดขั้วแล้ว ถึงจะรักกันมากแค่ไหน ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกตัวเองต่อไป คุณควรลองพิจารณาและมองดูคนข้างกายคุณให้ดีๆ ว่าเป็นเขาหรือเธอคนนี้จริงๆ หรือเปล่าที่คุณอยากจะฝากชีวิตเอาไว้ และแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขที่เหลือด้วยกันไปจนถึงบั้นปลายชีวิต
Cr. Orami Magazine
สำนักข่าววิหคนิวส์