15 พฤศจิกายน 2560 วัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้โพสข้อความทางเฟสบุ๊คระบุว่า ภารกิจอันเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ ปรากฏอยู่ในวรรคสองของประกาศ คสช. ฉบับที่ 1/2557 ซึ่งพลเอกประยุทธ์และคณะทำขึ้นเพื่อขอโอกาสประชาชนยึดอำนาจแก้ไขปัญหาของประเทศ ประกอบด้วย (1) ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ (2) ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคี (3) ปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ และ (4) สร้างความชอบธรรมให้กับทุกพวกทุกฝ่าย ตามลิ้งค์ที่แนบมา
คสช. ยึดอำนาจมาแล้ว 3 ปี 6 เดือน หากเป็นรัฐบาลปกติคงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือต้องยุบสภาหนีอายเรียบร้อยแล้ว แต่รัฐบาลทหารมีคุณสมบัติพิเศษที่ทั้งกล้าและทนแต่เป็นคุณสมบัติที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนจะประเมินผลงานของ คสช. ไม่ใช่ให้หัวหน้า คสช. มาตั้งคำถามไร้สาระให้ประชาชนตอบ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งผมประเมินว่า การที่พลเอกประยุทธ์ปฏิเสธคำขอให้ปลดล็อกทางการเมืองโดยอ้างว่า “สถานการณ์ยังไม่ปกติ” นั่นคือคำตอบว่าภารกิจข้อแรกล้มเหลว บ้านเมืองแตกแยกมากขึ้นแปลว่าการปรองดองล้มเหลว แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วยการเรียกคนเข้าค่ายทหาร นั่นคือการปฏิรูปการเมืองที่ล้มเหลวเพราะไม่ยอมรับฟังความเห็นของประชาชน ส่วนภารกิจสุดท้ายคือการคืนความชอบธรรมให้ทุกพวกทุกฝ่ายยิ่งล้มเหลว เพราะ คสช. เป็นคนไปแจ้งความยัดเยียดคดีให้กับประชาชนเสียเอง
พลเอกประยุทธ์มีความกล้าผิดมนุษย์ กล้าที่จะไปยืนบนเวทีผู้นำที่ทุกคนมาจากการเลือกตั้งโดยไม่อายว่าตัวเองมาจากการยึดอำนาจ จึงเป็นความอัปยศทำให้ประเทศเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลก อาการของ คสช. ขณะนี้เปรียบได้กับรถพ่วง 18 ล้อที่เลี้ยวผิดเข้าไปในซอยตัน จะเดินหน้า หรือกลับรถ หรือถอยหลังก็ไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือรีบลงจากรถแล้วออกไป ปล่อยให้ประชาชนเลือกตัวแทนมาเอารถออกจากซอยตัน บ้านเมืองจะได้เจริญเสียที
สำนักข่าววิหคนิวส์