อีกหนึ่งเรื่องราวที่ซ่อนเร้นหลังโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ที่นำโดย ตูน บอดี้สแลม ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า “พี่ตูน” มีโครงการวิ่งจนถึงปลายปี แล้วทางวง “บอดี้แสลม” ไม่มีงานหรือย่างไร
ซึ่งวานนี้ (15 พ.ย) “คุณนิค นายวิเชียร ฤกษ์ไพศาล” ผู้บริหารค่ายจีนี่ เรคคอร์ดส ซึ่งเป็นต้นสังกัดของวงบอดี้สแลม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ปกติแล้ววงบอดี้สแลมรับงานไม่เกิน 20โชว์ต่อเดือน เพื่อให้ทางวงได้พัก ซึ่งการที่ “ตูน บอดี้สแลม” ออกไปวิ่งโครงการก้าวคนละก้าว ทางค่ายก็ต้องยกเลิกงานทั้งหมดประมาณ 3 เดือน แต่จริง ๆ แล้วจะเรียกว่ายกเลิกก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้รับงานช่วงเวลานั้นๆตั้งแต่แรก”
วง Bodyslam (บอดี้สแลม) ซึ่งประกอบด้วย ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย , ชัช สุชัฒติ จั่นอี๊ด , ปิ๊ด ธนดล ช้างเสวก , ยอด ธนชัย ตันตระกูล และ โอม เปล่งขำ พร้อมด้วยทีมงานของวง เสียสละงานโชว์ที่มีรายได้มหาศาล ปฏิเสธรับงานตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2560 เพื่อสนับสนุน “ตูน บอดี้สแลม” ในการทำความดีเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศครั้งนี้ ซึ่งการงดรับงานในครั้งนี้ทำให้วงบอดี้สแลม สูญเสียรายได้ไปมากกว่า 30 ล้านบาท เพราะปกติ วงบอดี้สแลม จะมีงานต่อเดือนประมาณ 20 งาน คิดเป็นรายได้จากการโชว์ประมาณโชว์ละ 450,000-500,000 บาท
คุณนิค กล่าวต่อว่า “ตูน” มองว่าโครงการนี้เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจ เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเพื่อน ๆ ในวงก็เห็นด้วย ทีมงานของวงก็เช่นกัน ในส่วนของค่ายก็ทำงานปกติ แต่บางคนเราก็จัดสรรเข้าช่วยสนับสนุนเรื่องต่าง ๆ หากถามว่าสูญเสียรายได้ไปเยอะไหม ก็ต้องยอมรับว่าเยอะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเป็นรายได้ที่หาได้ตลอด หากประมาณมูลค่าของรายได้ที่หายไปของวงบอดี้สแลม ในช่วงนี้ ตนไม่แน่ใจว่าค่าตัวเท่าไร ทราบว่ามีมูลค่าหลายแสนต่อครั้ง
และสิ่งที่ “ตูน” ทำนั้นมีคุณค่า เราอาจเสียมูลค่าเรื่องตัวเลขไป แต่คุณค่าที่ได้กลับมาเป็นมูลค่ามหาศาลที่จะรับผิดชอบต่อสังคมแบบนี้ การที่ ตูน บอดี้สแลม ทำ แต่ในทางกลับกันเขาก็ได้สร้างประโยชน์ให้กับวงและตัวค่ายก็ได้อานิสงส์ไปด้วย ถ้าคิดในเชิงธุรกิจ ตนขอบอกตรงนี้เลยว่า ทั้งตูน และค่าย ไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลย ความตั้งใจของตูนทำมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากถามว่าสูญเสียอะไร เราไม่มีคำว่าสูญเสีย มีแต่ได้กับได้ ส่วนเรื่องที่คนมองว่าถ้าตูนเลือกเปิดคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินนั้น เป็นเรื่องที่ลำบากกว่า เพราะคุณค่าที่เกิดจากความตั้งใจของเขามันจะเปลี่ยนไป ตอนนี้ทุกคนรู้จัก “พี่ตูน” ต่อจากนี้ เขาจะได้รับการต้อนรับมากขึ้น แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา สิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่การโปรโมทตัวเอง แต่เขาเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก ผลที่กลับมาคือ ยิ่งให้ ยิ่งได้
โดยแผนสำรองของทางค่ายนั้น เรื่องนี้เป็นความชอบส่วนตัวของเขา เป็นสิ่งที่เราสั่งเขาไม่ได้ ต้องขีดเส้นว่านี่คือเรื่องส่วนตัวของเขา หากเราจะสั่งให้เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อทำแบบนี้นั้น ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นชีวิตของเขา การที่จะมาคิดว่าต้นสังกัดไปจำกัดให้เขาทำอะไรนั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาทำ เป็นสิ่งดี ต้องสนับสนุน แต่ต้องยอมรับว่า เขาเป็นบุคลากรที่มีมูลค่าก็ใช่ เราไม่เคยมองว่าเขาคือสินค้า เรามองว่าเขาคือคนไทยคนหนึ่งที่เสียสละตัวเอง
ในฐานะที่เราเป็นต้นสังกัด เราควรยินดี ไม่ใช่มาคิดว่าเราเสียมูลค่าเท่าไร ในเชิงธุรกิจ สิ่งที่เราคิดคือ เขาไปทำงานหนักขนาดนี้ ต้องได้รับการดูแล-สนับสนุนอย่างดี เราเชื่อว่าตูนเขารู้ตัวเองดี และเขาก็มองว่านี่คือโครงการส่วนตัวของเขา เขาก็ไปดิ้นรนทำของเขาส่วนหนึ่ง ไม่ได้เป็นภาระของค่ายทั้งหมด ค่ายแค่อยู่ในส่วนของการช่วยสนับสนุนเท่านั้น
ที่มา hereyim
สำนักข่าววิหคนิวส์