8 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สถานการณ์ตะวันออกกลางยังคงระอุ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามรับเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล และเตรียมย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม ซึ่งนับได้ว่าสหรัฐเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การรับรองนี้ นับตั้งแต่การสถาปนารัฐอิสราเอล เมื่อปี 2491 ซึ่งทำให้หลายชาติทั้งมุสลิมและที่เป็นกลางทั่วโลกรุมประณามกระหึ่ม
โดยการชุมนุมประท้วงส่อเค้าวุ่นหนัก เมื่อประชาชนหลายกลุ่มได้ประกาศจะจัดการชุมนุมประท้วงใหญ่ในวันนี้ ส่งผลให้อิสราเอลเสริมกำลังทหารในกรุงเยรูซาเลมทันที โดยเฉพาะที่มัสยิดอัล-อักซอ หลังการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างเจ้าหน้าที่อิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ตลอดทั้งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 30 คน นอกจากนี้กลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา ยังเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ถอนตัวจากแผนการสร้างสันติภาพตะวันออกกลางอีกด้วย
ขณะที่ฝั่งผู้นำประเทศอาหรับอย่าง ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ได้เดินไปยังกรุงอัมมาน เมื่อวันพฤหัสบดี และทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถานะเป็นผู้ดูแลสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามในเยรูซาเล็ม ที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยสำนักข่าวของรัฐบาลอัมมานรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 ทรงย้ำจุดยืนของจอร์แดน ในการให้ความสนับสนุน พี่น้องชาวปาเลสไตน์ เพื่อปกป้องดินแดนและสิทธิอันชอบธรรมซึ่งมีมาแต่โบราณกาล ต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์คือกรุงเยรูซาเลม
Cr. Naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์