ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #แม่ใจสลาย! เมื่อลูกชายกลายเป็นฆาตกร ฆ่าน้องสาวตัวเอง จงใจไว้ชีวิตแม่ เพื่อเพิ่มความทรมาน  

#แม่ใจสลาย! เมื่อลูกชายกลายเป็นฆาตกร ฆ่าน้องสาวตัวเอง จงใจไว้ชีวิตแม่ เพื่อเพิ่มความทรมาน  

22 December 2017
1384   0

           เปิดเรื่องเล่าจากหัวอกแม่ เมื่อลูกชายกลายเป็นฆาตกร ฆ่าน้องสาวตัวเองด้วยความโหดเหี้ยม อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาทำเช่นนั้น พร้อมเผยความจริงชวนตระหนก…จงใจไว้ชีวิตแม่ เพื่อเพิ่มความทรมาน  

           ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ชาริตี้ ลี คุณแม่ลูกสองจากสหรัฐฯ กำลังนั่งทำงานตามปกติในที่ทำงานของเธอ แต่แล้วโลกทั้งใบของเธอก็มีอันต้องล่มสลายลงในพริบตา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาเธอพร้อมกับข่าวร้าย ว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอ วัย 3 ขวบ ถูกทำร้ายอย่างหนักจนถึงแก่ความตาย และหัวอกผู้เป็นแม่ก็ยิ่งร้าวรานซ้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่เผยว่าคนร้ายที่สังหารลูกสาวของเธอนั้นไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็น ปารีส เบนเน็ต ลูกชายคนโตของเธอ ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 13 ปี 

          เรื่องราวโศกนาฏกรรมที่แม่รายนี้ต้องเผชิญ ถูกนำมาบอกเล่าอีกครั้งผ่านทางเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 โดยระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้น ชาริตี้ได้ปล่อยให้ลูกทั้ง 2 คนของเธออยู่กับพี่เลี้ยง ที่บ้านในเมืองอาบีลีน รัฐเทกซัส สหรัฐฯ แต่เธอไม่คิดเลยว่าลูกชายของเธอจะทำกับน้องได้ลง โดยตัวปารีสนั้น เป็นเด็กอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงถึง 141 เขาวางแผนการก่อเหตุด้วยการโน้มน้าวให้พี่เลี้ยงเด็กกลับบ้านไป จากนั้นก็เดินเข้าไปที่ห้องนอนของน้องสาวตัวน้อยอย่างใจเย็น และเริ่มทุบตีเธอ บีบคอเธอ จากนั้นจึงใช้มีดทำครัวจ้วงแทงเธอถึง 17 ครั้ง จนเด็กน้อยถึงแก่ความตาย
           หลังก่อเหตุเด็กชายยังโทรศัพท์หาเพื่อน พูดคุยกันราว 6 นาที ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์เรียกตำรวจมาด้วยตัวเอง โดยเขาทำทีเป็นช่วยทำ CPR ให้น้องสาว แต่แล้วก็ยอมรับสารภาพว่าเขาเป็นคนลงมือ 
           เรื่องทั้งหมดนั้นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 บัดนี้เวลาผ่านไปแล้วกว่า 10 ปี ชาริตี้ถึงได้กล้าออกมาบอกเล่าเรื่องราวความรักและให้อภัยของเธอ ผ่านทางรายการสารคดีชุด “The Family I Had” ซึ่งออกอากาศไปในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 
           “ในตอนนั้นตำรวจบอกฉันว่าลูกสาวของฉันถูกทำร้าย ฉันขอให้พวกเขาพาฉันไปหาเธอเดี๋ยวนั้นเลย แต่แล้วเขาก็บอกว่า ‘คุณคงไปไม่ได้….เธอเสียชีวิตแล้ว'” ชาริตี้ย้อนเล่าถึงนาทีที่ข่าวร้ายมาเยือน ซึ่งสิ่งต่อมาที่ตำรวจบอกก็คือ “เราคุมตัวปารีสไว้แล้ว”
           ชาริตี้ยังเผยความจริงที่น่าตื่นตระหนกด้วยว่า ปารีสยอมรับกับตำรวจว่าเขาตื่นมาตอนเช้าและอยากจะฆ่าใครสักคน ซึ่งเดิมทีลูกชายมีแผนจะฆ่าเธอด้วย ในตอนที่เธอกลับมาจากที่ทำงาน แต่เขาก็คิดขึ้นได้ว่าหากเขาฆ่าเธอในตอนนั้น เธอคงจะทรมานแค่ 5, 10 หรือ 15 นาที กลับกัน หากเขาปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่โดยที่ต้องเสียลูกสาวไป เธอจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตที่เหลือ 

           ผลจากการกระทำของเขา ปารีสถูกตัดสินให้จำคุก 40 ปี อันเป็นโทษสูงสุดของรัฐสำหรับคดีฆาตกรรมของเยาวชน การจะทำความเข้าใจถึงแรงจูงใจของเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก ผู้เป็นแม่ได้ขอให้นักจิตวิทยามาประเมินสภาพจิตของลูกชาย ตอนที่เขามีอายุ 15 ปี ซึ่งนักจิตวิทยาก็พบว่าเขามีพฤติกรรมต่อต้านสังคม และไม่รู้สึกถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมต่อการกระทำของเขา 

           แต่แม้ว่านักจิตวิทยาจะพูดเช่นนั้น แต่ปารีสกลับเผยว่า “ผมเลือกที่จะก่ออาชญากรรม และรับผิดชอบเต็มที่สำหรับสิ่งที่ทำ และผมก็ไม่ได้บอกว่ามันมีการเตรียมการไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนผมไม่ได้บ้า และผมไม่ได้เผชิญกับอาการทางจิตใด ๆ”

           ทั้งนี้หลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้ว่าจิตใจของผู้เป็นแม่จะยังเศร้าโศกเพียงไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเลือกที่จะให้อภัยในทุก ๆ สิ่งที่ลูกชายของเธอกระทำ แม้จะทราบดีถึงความผิดที่เขาก่อ แต่ปารีสก็ยังเป็นลูกชายของเธอ ชาริตี้ยังคงไปเยี่ยมลูกชายในคุกอย่างสม่ำเสมอ และให้อภัยเขาทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างไรก็ตามผู้เป็นแม่ยอมรับว่า หากวันใดที่ลูกชายของเธอได้รับอิสรภาพอีกครั้ง เธอคงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวเขา
           ปัจจุบัน ชาริตี้ ในวัย 44 ปี มีลูกน้อยอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตแล้ว และเธอยังพยายามหาหนทางในการช่วยเหลือครอบครัวอื่น ๆ ในการรับมือกับระบบความยุติธรรมต่าง ๆ ด้วยการจัดตั้งองค์กรการกุศลขึ้น โดยหยิบยกชื่อของลูกสาวที่จากไปมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นการเก็บความทรงจำที่มีถึงลูกสาวตัวน้อยไว้ และการทำหน้าที่จุดนี้ยังมีส่วนสำคัญในการปรับอารมณ์ของเธอ หลังผ่านพ้นเรื่องราวร้าย ๆ เมื่อสิบปีก่อนด้วย 
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก The ELLA Foundation

Cr. Kapook

สำนักข่าววิหคนิวส์